Key Takeaway

  • คอลลาเจนคือโปรตีนสำคัญในร่างกายที่ช่วยเสริมความแข็งแรงและความยืดหยุ่นให้กับผิวหนัง กระดูก และเนื้อเยื่อต่างๆ
  • คอลลาเจนช่วยให้ผิวแข็งแรง ยืดหยุ่น ริ้วรอยแลดูลดลง และส่งเสริมการผลัดเซลล์ผิว นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงเล็บ ข้อต่อแข็งแรง และเมื่อทำงานร่วมกับแคลเซียมและวิตามินดียังช่วยชะลอการสลายมวลกระดูก รวมถึงส่งเสริมการแข็งตัวของเลือดและปกป้องอวัยวะภายในด้วย
  • รักษาคอลลาเจนด้วยการเลี่ยงสัมผัสกับแสงแดดโดยตรง ทาครีมกันแดดเป็นประจำ กินโปรตีนให้เพียงพอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ เลี่ยงน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรต ดื่มน้ำให้เพียงพอ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ

หลายคนคงเคยได้ยินคำว่าคอลลาเจนกันบ่อยๆ แต่รู้ไหมว่าคอลลาเจนคืออะไร? และทำไมถึงสำคัญกับร่างกายของเรา? บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับคอลลาเจน พร้อมอธิบายสรรพคุณและประโยชน์ที่ช่วยดูแลสุขภาพผิวและร่างกายอย่างเจาะลึกมากขึ้น

 

คอลลาเจนคืออะไร? ทำไมร่างกายถึงต้องการ

คอลลาเจน (Collagen) คือโปรตีนที่ร่างกายสร้างขึ้น เป็นส่วนประกอบสำคัญของผิวหนัง กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และเนื้อเยื่อเกี่ยวพันอื่นๆ นอกจากนี้ยังพบในเส้นเลือด อวัยวะ และเยื่อบุลำไส้ คอลลาเจนถือเป็นโปรตีนที่มีมากที่สุดในร่างกาย คิดเป็นประมาณ 30% ของโปรตีนทั้งหมดในร่างกายของเรา

ประโยชน์ของคอลลาเจนที่ร่างกายได้รับ

คอลลาเจนช่วยอะไร? คอลลาเจนมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก โดยช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของเนื้อเยื่อต่างๆ รวมถึงส่งผลดีต่อสุขภาพผิวและอวัยวะต่างๆ ดังนี้

  • ช่วยให้ผิวแข็งแรงและมีความยืดหยุ่น
  • ช่วยให้ริ้วรอยที่มองเห็นได้ชัดแลดูจางลง
  • ส่งเสริมกระบวนการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว
  • ช่วยลดปัญหาเล็บเปราะและแตกง่าย
  • ช่วยชะลอการสลายมวลกระดูกเมื่อรับประทานควบคู่กับแคลเซียมและวิตามินดี
  • ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์
  • ช่วยส่งเสริมสุขภาพข้อต่อในผู้สูงอายุ เช่น ลดอาการปวดและเพิ่มความยืดหยุ่นของข้อต่อ
  • ช่วยให้เลือดแข็งตัวอย่างเหมาะสม ป้องกันการเสียเลือดมากเกินไป
  • ช่วยปกป้องอวัยวะภายในของร่างกาย

 

คอลลาเจนมีทั้งหมดกี่ชนิด?

ชนิดของคอลลาเจนที่แตกต่างกันช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ เราจึงสามารถแบ่งคอลลาเจนออกเป็น 5 ชนิดหลัก ดังนี้ 

1. คอลลาเจนชนิดที่ 1 (Collagen Type I) เป็นชนิดที่พบมากที่สุดในร่างกาย มีหน้าที่ช่วยเสริมความแข็งแรงและความยืดหยุ่น ช่วยกระบวนการสมานแผล และพบได้ในผิวหนัง เส้นผม กระดูก เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน และผนังหลอดเลือด

2. คอลลาเจนชนิดที่ 2 (Collagen Type II) มีความยืดหยุ่นสูงกว่าชนิดที่ 1 พบได้มากในกระดูกอ่อนและข้อต่อ มีหน้าที่สำคัญในการสร้างและรักษากระดูกอ่อนให้แข็งแรง ช่วยรองรับการเคลื่อนไหวของข้อต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. คอลลาเจนชนิดที่ 3 (Collagen Type III) พบมากในผิวหนัง กล้ามเนื้อ และหลอดเลือด มีบทบาทสำคัญในการช่วยรักษาโครงสร้างของเนื้อเยื่อเหล่านี้ให้แข็งแรงและยืดหยุ่น

4. คอลลาเจนชนิดที่ 4 (Collagen Type IIII) พบในเนื้อเยื่อเกี่ยวพันรอบกล้ามเนื้อ ไขมัน และเยื่อบุผิวบางๆ มีบทบาทในการรักษาความสมบูรณ์ของผนังหลอดเลือด ช่วยเรื่องระบบประสาทและเส้นเลือด รวมถึงช่วยบรรเทาการลุกลามของเซลล์มะเร็งในร่างกายด้วย

5. คอลลาเจนชนิดที่ 5 (Collagen Type IIIII) เป็นองค์ประกอบของเยื่อบุเซลล์ต่างๆ สามารถพบได้ในบริเวณเดียวกันกับคอลลาเจนชนิดที่ 1 มักพบในผิวของเซลล์ เส้นผม กระจกตา เนื้อเยื่อของทารกในระหว่างตั้งครรภ์ และรก

 

คอลลาเจนลดลงตามวัย ส่งผลต่อผิวอย่างไร

ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนได้น้อยลงเมื่ออายุเพิ่มขึ้น ส่งผลให้โครงสร้างผิวอ่อนแอลง ความยืดหยุ่นลดลง ผิวบาง แห้ง และขาดความชุ่มชื้น ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดริ้วรอย ร่องลึก และความหย่อนคล้อยตามมาได้ง่าย โดยเฉพาะบริเวณรอบดวงตา มุมปาก และหน้าผาก ทำให้ผิวดูมีอายุมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

 

เคล็ดลับป้องกันคอลลาเจนให้คงอยู่

การดูแลคอลลาเจนให้คงอยู่ได้นาน ไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด เพราะมีหลายวิธีง่ายๆ ที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองในชีวิตประจำวัน เพื่อชะลอการเสื่อมสลายของคอลลาเจนและช่วยให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์ได้ยาวนานขึ้น เช่น

ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน

ควรทาครีมกันแดดทุกวัน โดยเลือกที่มีค่า SPF 30+ ขึ้นไป เช่น Photoderm XDefense Ultra-Fluid SPF50 PA++++ ซึ่งเหมาะสำหรับผิวแพ้ง่ายและเป็นสิวง่าย ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA, UVB แสงสีฟ้า (Visible Light) และมลภาวะ พร้อมเนื้อสัมผัสแบบ Ultra Fluid ที่บางเบา ซึมไว และทำงานสอดคล้องกับกลไกธรรมชาติของผิว จึงช่วยลดโอกาสการเสื่อมของคอลลาเจนจากแสงแดดได้

 

กินโปรตีนต่อวันให้เพียงพอ

การรับประทานโปรตีนให้เพียงพอในแต่ละวัน เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ร่างกายสามารถสร้างคอลลาเจนได้อย่างเต็มที่ เพราะคอลลาเจนเป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง ควรเลือกกินโปรตีนจากเนื้อสัตว์ นม ไข่ หรือธัญพืชให้เหมาะสมกับน้ำหนักตัว เช่น หากคุณมีน้ำหนักตัว 60 กิโลกรัม ควรได้รับโปรตีนประมาณ 60 - 72 กรัมต่อวัน ซึ่งเทียบเท่ากับการบริโภคเนื้อสัตว์ เช่น อกไก่ ปลา หรือหมู รวมกันประมาณ 250 - 300 กรัมต่อวันโดยเฉลี่ย 

การได้รับโปรตีนครบถ้วนในแต่ละวันจะช่วยให้ร่างกายสามารถสังเคราะห์คอลลาเจนได้ดีขึ้น ส่งผลให้ผิวแข็งแรง ข้อต่อยืดหยุ่น และกระดูกมีความหนาแน่นยิ่งขึ้น

 

ทานอาหารที่มีวิตามินซี เอ และอี

การกินอาหารที่มีวิตามินหลากหลายชนิด เช่น วิตามินซี เอ และอี เป็นอีกหนึ่งวิธีสำคัญที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและชะลอการสลายของคอลลาเจนในร่างกาย โดยเฉพาะวิตามินซีที่มีบทบาทในการสร้างคอลลาเจนและเป็นสาร Antioxidant พบมากในผักและผลไม้ เช่น ฝรั่ง ส้ม สตรอว์เบอร์รี แอปเปิลแดง มะนาว ผักคะน้า และบรอกโคลี

ส่วนวิตามินเอก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ซึ่งเป็นเซลล์ที่มีหน้าที่สร้างคอลลาเจนและอิลาสติน (Elastin) พบในอาหารอย่างเนื้อสัตว์ ไข่ นม ผักตำลึง ผักบุ้ง แคร์รอต และมะละกอสุก นอกจากนี้ วิตามินอียังมีบทบาทต้านอนุมูลอิสระร่วมกับวิตามินซี พบได้ในน้ำมันรำข้าว น้ำมันถั่วเหลือง ถั่วอัลมอนด์ อาโวคาโด มะม่วง และกีวี

 

หลีกเลี่ยงน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรต 

หากต้องการรักษาคอลลาเจนให้อยู่กับร่างกายได้นาน ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคน้ำตาลหรืออาหารรสหวานจัด เพราะน้ำตาลสามารถกระตุ้นกระบวนการไกลเคชัน (Glycation) ซึ่งทำให้คอลลาเจนเสื่อมสภาพ เสียความยืดหยุ่น และส่งผลให้ผิวดูแก่ก่อนวัย

 

ดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน

ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 - 10 แก้ว หรือประมาณ 2 ลิตร เพราะน้ำเปล่าเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในร่างกาย หากดื่มน้ำน้อยเกินไป การสร้างคอลลาเจนก็จะลดลงตามไปด้วย ส่งผลให้ผิวพรรณไม่สดใสเท่าที่ควรนั่นเอง

 

เลี่ยงการสัมผัสกับแสงแดดโดยตรง

ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง และทาครีมกันแดดเสมอเมื่อออกแดด เพราะรังสียูวีจากแสงแดดจะทำลายคอลลาเจนในผิวหนัง ส่งผลให้คอลลาเจนเสื่อมสภาพและก่อให้เกิดปัญหาผิวต่างๆ เช่น สิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ และริ้วรอย

 

ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนและสารอาหารที่จำเป็นในการสร้างคอลลาเจนได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดความเครียดและการอักเสบในร่างกาย ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้คอลลาเจนเสื่อมสภาพเร็วขึ้น จึงช่วยให้คอลลาเจนในร่างกายคงอยู่และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย

 

สรุป

คอลลาเจนเป็นโปรตีนสำคัญที่ช่วยให้ผิวหนังยืดหยุ่น ชุ่มชื้น และเสริมความแข็งแรงให้กับกระดูก ข้อต่อ และเส้นผม เมื่ออายุมากขึ้นคอลลาเจนจะลดลง ส่งผลให้ผิวหย่อนคล้อยและเกิดริ้วรอยได้ง่าย การดูแลด้วยการรับประทานอาหารที่เหมาะสม เช่น วิตามินซี วิตามินอี และโปรตีนคุณภาพดี ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดและการสูบบุหรี่ จะช่วยรักษาระดับคอลลาเจนและสุขภาพผิวให้ดีขึ้นได้นานยิ่งขึ้น พร้อมช่วยชะลอความเสื่อมของเนื้อเยื่อและเพิ่มความแข็งแรงโดยรวมของร่างกายด้วย 

 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับคอลลาเจน (FAQ)

ในส่วนนี้เราได้รวบรวมคำถามยอดนิยม พร้อมคำตอบสั้นๆ เข้าใจง่าย เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจและดูแลคอลลาเจนในร่างกายได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

คอลลาเจนกินทุกวันได้ไหม?

คอลลาเจนกินทุกวันได้ แต่ควรทานในปริมาณที่เหมาะสมและเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ เพื่อช่วยเสริมสร้างผิวและสุขภาพโดยรวมอย่างปลอดภัย

 

เติมคอลลาเจนให้ผิวหน้าได้อย่างไร?

เติมคอลลาเจนให้ผิวหน้าได้โดยการทานอาหารเพิ่มคอลลาเจน นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงพฤติกรรมทำลายคอลลาเจนในชั้นผิว บำรุงผิวด้วยสกินแคร์และหัตถการกระตุ้นคอลลาเจน

 

กินอะไรดีให้หน้ามีคอลลาเจน?

กินอาหารที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เช่น ผักผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงอย่างส้ม ฝรั่ง และสตรอว์เบอร์รี รวมถึงอาหารที่มีโปรตีนดี เช่น ปลา ไก่ ไข่ และถั่วต่างๆ จะช่วยให้ผิวแข็งแรงและมีคอลลาเจนเพียงพอ