ริ้วรอยบนใบหน้า เป็นอีกหนึ่งปัญหาผิวที่เกิดขึ้นได้ทั้งริ้วรอยแห่งวัยและริ้วรอยที่เกิดขึ้นก่อนวัยอันมีสาเหตุมาจากมลภาวะ โดยเฉพาะในคนที่มีผิวแพ้ง่าย ผิวแห้งขาดน้ำ ที่ผิวอาจมีความไวต่อสภาวะแวดล้อมและเกิดการระคายได้ง่าย จึงอาจทำให้มีริ้วรอยบนใบหน้าเกิดขึ้นได้แม้อายุยังน้อย

มลภาวะส่งผลให้เกิดริ้วรอยได้อย่างไร?

 

ริ้วรอยบนใบหน้าของเรานั้นปกติจะเกิดขึ้นได้เมื่อมีตั้งแต่อายุ 25 ปีเป็นต้นไป เนื่องจากสารสำคัญในโครงสร้างผิวอย่าง อิลาสติน กรดไฮยาลูรอน หรือคอลลาเจนเสื่อมสภาพลง จึงส่งผลให้ผิวหนังมีริ้วรอยเหี่ยวย่นตามจุดต่าง ๆ บนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็น ริ้วรอยหน้าผาก ริ้วรอยหว่างคิ้ว ริ้วรอยใต้ตา ริ้วรอยร่องแก้ม ร่องตีนกา เป็นต้น 

 

แต่ในขณะเดียวกันริ้วรอยสามารถเกิดขึ้นได้แม้อายุยังน้อย โดยเฉพาะในคนที่มี ผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย ที่มักจะมีความไวต่อการระคาย เมื่อผิวที่มีความแห้ง ลอกเป็นขุย หรือผิวที่มีความบอบบางแพ้ง่ายถูกกระตุ้นจากสภาพแวดล้อมและมลภาวะ อาจทำให้รู้สึกแสบร้อนบริเวณผิวหนังหรืออาจทำให้มีรอยแดงขึ้น เมื่อต้องเผชิญกับมลภาวะและเกิดการระคายระยะยาวอาจเป็นสาเหตุให้เกิดริ้วรอยบนผิวได้ 

3 สาเหตุจากมลภาวะที่กระตุ้นให้เกิดริ้วรอย 

สภาพแวดล้อมรอบตัวอาจเป็นปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้ผิวเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม อีกทั้งยังเป็นตัวการที่ทำให้ผิวอ่อนแอลงและทำให้ผิวแพ้ง่ายได้ในที่สุด โดยหลัก ๆ จะมีอยู่ 3 สาเหตุ ได้แก่

  1. ฝุ่นละอองในอากาศ (PM2.5) อาจส่งผลต่อผิวหนังและเป็นสาเหตุในการเกิดริ้วรอยได้หลายทาง เพราะฝุ่นละอองที่มีอนุภาคเล็กจะสามารถเข้าสู่โครงสร้างของชั้นผิวหนังได้โดยเฉพาะในผิวแพ้ง่ายและอ่อนแอ โดยจะเข้าไปทำลายคอลลาเจนในผิวหนัง ส่งผลให้เซลล์ผิวทำงานผิดปกติ ทำให้เกิดการระคายและความสามารถในการฟื้นตัวของผิวหนังลดลง จึงทำให้ผิวเสื่อมโทรมและเกิดริ้วรอยได้ง่ายขึ้น 
  2. แสงแดดและรังสี UV อีกหนึ่งตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่าย โดยรังสีอัลตราไวโอเลตหรือรังสี UV ในแสงแดดสามารถทำลายคอลลาเจนในผิวหนังได้ ส่งผลให้ผิวขาดความยืดหยุ่นและเกิดริ้วรอยได้ง่ายมากขึ้น นอกจากนี้แสงแดดยังเป็นตัวการที่ทำร้ายปราการผิวให้อ่อนแอลง ทำให้ผิวแห้งกร้าน หมองคล้ำ นอกจากจะกระตุ้นให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยแล้วยังก่อให้เกิดปัญหาผิวอื่น ๆ ตามมาอีกด้วย เช่น ปัญหาสิว ผิวหน้ามัน ผิวขาดน้ำ เป็นต้น 

มลพิษ ไม่ว่าจะเป็น มลพิษทางอากาศอย่างควัน ฝุ่นละอองอันตรายที่ปะปนสารเคมี รวมไปถึงมลพิษที่มากับน้ำที่เราใช้อาบหรือล้างหน้าโดยตรงอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดผิวแพ้ง่ายและการระคายผิว ซึ่งส่งผลให้ปราการผิวถูกทำลายและอ่อนแอลง นอกจากจะส่งผลให้ผิวเกิดริ้วรอยแล้วยังส่งผลต่อสุขภาพร่างกายอีกด้วย

เคล็ดลับดูแลผิว ชะลอริ้วรอยก่อนวัย

 

1. ทาครีมกันแดดทุกวัน

การปกป้องผิวจากแสงแดดและรังสี UV ที่อาจทำร้ายผิวเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย โดยเลือกใช้ครีมกันแดดที่มี SPF 30 ขึ้นไปหรือหากคนที่มีผิวแพ้ง่ายอาจเลือกใช้ครีมกันแดดที่มี  SPF 50 ขึ้นไป และมีสารสำคัญที่ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA และ รังสี UVB รวมถึง Visible Light และแสงสีฟ้า โดยควรทาซ้ำทุก 2- 3 ชั่วโมงเมื่อออกแดดจัด

 

2. ปกป้องผิวหน้าจากมลภาวะ

ถึงแม้ว่าจะทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวจากแสงแดดแล้ว แต่หากปกป้องผิวจากมลภาวะได้อีกขั้นอาจช่วยให้ผิวสัมผัสกับสารก่อการระคายได้น้อยลง เช่น การใส่หมวกปีกกว้างหรือกางร่มเมื่ออยู่กลางแจ้ง การสวมแมสก์หรือหน้ากากอนามัย เป็นต้น 

 

3. ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างอ่อนโยน

เนื่องจากผิวแพ้ง่าย บอบบาง หรือผิวเป็นสิวที่มีความอ่อนแอมากกว่าปกติ อาจไม่สามารถเช็ดหรือถูหน้าแรง ๆ ได้ รวมถึงการใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีค่า pH สูง อาจทำให้ผิวเกิดการระคายได้ง่ายและเกิดริ้วรอยบนใบหน้าได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ริ้วรอยหน้าผาก ริ้วรอยหว่างคิ้ว ริ้วรอยใต้ตา ริ้วรอยร่องแก้ม หรือริ้วรอยร่องตื้นรอบดวงตา เป็นต้น จึงควรเลือกใช้คลีนซิ่งหรือเจลล้างหน้าที่ไม่ทำให้ผิวหน้าแห้งตึงและไม่มีสารที่อาจก่อให้เกิดการแพ้ 

4. ทาเซรั่มบำรุงผิวให้แข็งแรง 

การทาสกินแคร์บำรุงผิวอย่างเซรั่มถือเป็นอีกหนึ่งการบำรุงผิวที่เหมาะสำหรับผิวที่อ่อนแอและมีปัญหาผิวสะสม มีแนวโน้มเกิดริ้วรอยง่าย เนื่องจากเซรั่มเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีความเข้มข้นของ Active Ingredients สูงกว่าผลิตภัณฑ์บำรุงผิวประเภทอื่น ๆ โดยเริ่มทาเซรั่มบนผิวหน้าทันทีหลังล้างหน้าในขณะที่ผิวยังชุ่มชื้น เพื่อให้สารบำรุงซึมลึกลงสู่ชั้นในของผิวได้ดี 

 

5. เสริมอาหารผิวให้แข็งแรง

การบำรุงผิวให้แข็งแรงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดีในการชะลอการเกิดริ้วรอยได้จากภายในสู่ภายนอก โดยอาจเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น วิตามินซี วิตามินอี โอเมก้า 3 หรืออาหารเสริมที่มีสารแอนตี้ออกซิแดนท์และจำพวกคอลลาเจน เพื่อให้ผิวได้รับการบำรุงจากสารอาหารที่มีประโยชน์และเสริมให้ผิวมีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น

บำรุงผิวให้ชุ่มชื้น ไม่แพ้ง่าย ใช้เซรั่มยี่ห้อไหนดี? 

การเลือกใช้เซรั่มยี่ห้อไหนดี ควรเลือกสูตรที่เหมาะสมกับสภาพผิวและมีทั้งสารเติมความชุ่มชื้นและสารแอนตี้ออกซิแดนท์ อย่าง Bioderma Sensibio Defensive Serum 

เซรั่มบำรุงและปลอบประโลมปราการผิวหน้าให้แข็งแรง ทำให้ผิวอ่อนนุ่ม รู้สึกสบายผิวทันทีที่ใช้ด้วยเนื้อครีมอิมัลชั่น (Oil-in-water) เหลวสีขาว ซึมง่าย ไม่เหนียวเหนอะหนะ พร้อมให้ความชุ่มชื้นยาวนาน 24 ชั่วโมง* 

Bioderma Sensibio Defensive Serum สำหรับทุกสภาพผิวแม้ผิวบอบบาง แพ้ง่าย ระคายง่าย ด้วยส่วนผสมของ Hyaluronic Acid, Carnonsine และ Vitamin E ที่ช่วยปรับผิวหน้าให้ดูสว่างสดใส ริ้วรอยตื้นดูลดเลือน พร้อมปกป้องผิวจากสิ่งกระตุ้นการแพ้จากภายนอกและปลอบประโลมผิวระคายง่าย

  • ปราศจากน้ำหอม และพาราเบน
  • กักเก็บความชุ่มชื้น ปลอบประโลมผิวระคาย
  • เสริมสร้างอินโวลูกริน (Involucrin) และกรดลอริก (lauric acid) เพื่อปราการผิวที่แข็งแรงขึ้น

*การวัดค่าน้ำในผิว 24 ชม. หลังทาด้วยเครื่อง Corneometry ในอาสาสมัคร 10 ราย

 

การชะลอริ้วรอยก่อนวัยแม้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่สามารถดูแลผิวให้แข็งแรงไม่แพ้ง่าย ไม่ไวต่อมลภาวะจะช่วยลดแนวโน้มการเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ โดยเริ่มจากการดูแลผิวด้วยการบำรุงผิวที่เหมาะสม การปกป้องผิวจากแสงแดด รวมถึงหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสิ่งที่มีสารเคมีอันตราย จะช่วยให้ผิวไม่ถูกทำร้ายได้ง่ายและสามารถฟื้นบำรุงให้ผิวแข็งแรงได้เร็วขึ้นนั่นเอง

Bioderma Sensibio Defensive SerumBIODERMA Sensibio Defensive Serum เซรั่มบำรุงเข้มข้น

เซรั่ม

ผิวบอบบางและแพ้ง่าย

เทคโนโลยีดีเฟนซีฟ

Sensibio Defensive Serum

เซรั่มบำรุงเข้มข้น เพื่อผิวสตรอง ปกป้องทุกมลภาวะ

สำหรับใคร

ผู้ใหญ่, วัยรุ่น