วิธีลดรอยแดงจากสิว คืนความมั่นใจให้ผิวแข็งแรงอีกครั้ง
วิธีรักษารอยแดงจากสิว ให้ใช้ผลิตภัณฑ์ลดรอยแดง ทากันแดดปกป้องผิวจากแสงแดดอันตราย สครับหน้าขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว หรือทานวิตามินเสริม
วิธีรักษารอยแดงจากสิว ให้ใช้ผลิตภัณฑ์ลดรอยแดง ทากันแดดปกป้องผิวจากแสงแดดอันตราย สครับหน้าขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว หรือทานวิตามินเสริม
Key Takeaway
ใบหน้าที่เพิ่งหายจากสิว มักจะไม่จบแค่สิวหาย แต่ยังทิ้ง ‘รอยแดง’ ไว้ให้กวนใจ ไหนจะเมกอัปก็กลบไม่มิด ผิวก็ไม่เรียบเหมือนเดิม จนต้องเริ่มหาวิธีฟื้นบำรุงผิวให้กลับมาใสอีกครั้ง จริงๆ แล้ววิธีรักษารอยแดงจากสิวมีหลายทางเลือก ไม่ว่าจะเป็นการใช้ผลิตภัณฑ์ลดรอยแดง ทากันแดดปกป้องผิวจากแสงแดดอันตราย สครับหน้าลดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ทานวิตามินเสริม หรือทำหัตถการร่วมด้วย ถ้าดูแลให้ถูกวิธี รอยแดงก็สามารถค่อยๆ จางลง และพาผิวกลับมาใส ดูสุขภาพดีได้อีกครั้ง
รอยแดงจากสิว คือร่องรอยที่หลงเหลือหลังจากสิวอักเสบหายไปแล้ว แต่เส้นเลือดฝอยใต้ผิวยังขยายตัวและผิวกำลังอยู่ในช่วงฟื้นบำรุง รอยแดงไม่ได้เป็นแผลถาวรเหมือนหลุมสิว แต่เกิดจากการอักเสบของผิวที่ยังไม่สมบูรณ์ดี จึงเห็นเป็นจุดแดงหรือชมพูบริเวณที่เคยมีสิวขึ้น พบในคนที่ชอบบีบสิว หรือปล่อยให้สิวอักเสบรุนแรงจนผิวเสียสมดุล แม้จะไม่อันตราย แต่หากดูแลไม่ถูกวิธี ก็ทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียน และใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนกว่าจะค่อยๆ จางลง
รอยแดงจากสิวเกิดหลังจากผิวผ่านการอักเสบ ไม่ว่าจะจากสิวที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ หรือจากการบีบ แกะ จนผิวระคายและเส้นเลือดฝอยใต้ผิวถูกกระตุ้นให้ขยายตัว ปัจจัยนี้ทำให้ผิวทิ้งร่องรอยสีแดงไว้ แม้สิวจะหายแล้ว แต่ผิวยังไม่ฟื้นกลับมาสมบูรณ์ดี จึงเกิดเป็นรอยแดงที่ต้องใช้เวลาและการดูแลอย่างถูกวิธีถึงจะจางลง
เวลาที่เราเผลอกดหรือแกะสิว อาจเสี่ยงเกิดรอยแดงจากการกดสิว เพราะผิวจะรับแรงกดและเสียดสีจนอักเสบมากกว่าปกติ เส้นเลือดฝอยใต้ผิวถูกกระตุ้นให้ขยายตัว และบางครั้งถึงขั้นแตก ทำให้ทิ้งรอยแดงไว้หลังสิวยุบลง นอกจากนี้ การกดสิวด้วยมือที่ไม่สะอาดยังเพิ่มโอกาสติดเชื้อ ทำให้สิวลุกลามและรอยแดงอยู่นานขึ้น ยิ่งแกะ ยิ่งอักเสบ ยิ่งทิ้งรอย เพราะผิวต้องใช้เวลาฟื้นตัวเองมากกว่าปกติ และบางครั้งอาจพัฒนาไปสู่รอยดำหรือหลุมสิวในที่สุด
การใช้สกินแคร์หรือยาดูแลสิวที่มีความเข้มข้นสูงหรือลดความมันแรงเกินไป อาจทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น ผิวแห้งลอก และเกราะป้องกันผิวถูกทำลาย เมื่อผิวอ่อนแอ การอักเสบจากสิวจึงรุนแรงขึ้นและฟื้นตัวยากกว่าเดิม ส่งผลให้ทิ้งรอยแดงไว้นานกว่า อีกทั้งอาจกระตุ้นให้ผิวระคายจนสิวเพิ่มขึ้น และวนลูปกลายเป็นรอยแดงที่ไม่หายเสียที
ไม่ต้องกังวลเรื่องผิวแห้งหรือระคาย คลีนซิ่ง Sebium H2O ตัวนี้ช่วยทำความสะอาดทั้งความมัน สิ่งสกปรก และเครื่องสำอางในทุกครั้งที่ใช้ ไม่ทำลายสมดุลของผิว สูตรนี้ออกแบบมาเพื่อผิวผสมถึงผิวมันโดยเฉพาะ อ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดสิวอุดตัน แม้ผิวบอบบางก็ใช้ได้อย่างมั่นใจ ไม่จำเป็นต้องล้างน้ำซ้ำ สัมผัสสดชื่น สบายผิวทุกวัน
แสงแดดและมลภาวะเป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้รอยแดงจากสิวเข้มขึ้นและหายช้าลง รังสี UV จากแสงแดดจะทำให้ผิวอักเสบมากขึ้น กระตุ้นให้เม็ดสีผิวทำงานผิดปกติ จนรอยแดงกลายเป็นรอยดำในที่สุด ขณะที่ฝุ่น ควัน หรือมลพิษต่างๆ จะซึมเข้าสู่รูขุมขน กระตุ้นให้ผิวระคายและอักเสบมากกว่าเดิม ส่งผลให้ผิวฟื้นตัวเองช้าลง หากไม่ปกป้องผิวด้วยครีมกันแดดและทำความสะอาดผิวถูกวิธี รอยแดงก็จะอยู่กับเรานานขึ้น
รอยแดงจากสิวไม่ได้หายทันทีหลังสิวยุบ เพราะผิวอยู่ในช่วงซ่อมแซมและเส้นเลือดฝอยใต้ผิวยังขยายตัวอยู่ โดยทั่วไปแล้ว รอยแดงอาจใช้เวลา 2 - 4 สัปดาห์ ในกรณีที่อาการไม่รุนแรงและผิวแข็งแรงพอ แต่ถ้าผิวผ่านการอักเสบหนัก แพ้ง่าย หรือมีพฤติกรรมกดสิวบ่อยๆ อาจต้องใช้เวลา 1 - 3 เดือน หรือมากกว่านั้นถึงจางลง
ปัจจัยที่มีผลต่อระยะเวลาการหาย ได้แก่ สภาพผิว พฤติกรรมการดูแลตัวเอง การทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ และการใช้ผลิตภัณฑ์ลดรอยที่เหมาะสม หากดูแลผิวอย่างถูกวิธี รอยแดงก็มีโอกาสหายเร็วและไม่ทิ้งร่องรอยไว้ให้กังวลใจ
รอยแดงจากสิวสามารถหายเองได้ หากผิวไม่อักเสบรุนแรงและได้รับการดูแลเหมาะสม ผิวจะค่อยๆ ฟื้นตัวตามธรรมชาติภายในไม่กี่สัปดาห์ แต่หากผิวถูกกระตุ้นซ้ำ เช่น แกะสิว ไม่ทากันแดด หรือใช้สกินแคร์ที่ระคายผิว รอยแดงอาจอยู่ต่อเนื่องเป็นเดือนหรือเปลี่ยนเป็นรอยดำแทน
แม้บางคนจะปล่อยให้หายเองได้ แต่การดูแลผิวให้ถูกวิธี เช่น ทาครีมลดรอยแดง ทากันแดดเป็นประจำ พักผ่อนเพียงพอ และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมทำร้ายผิว จะช่วยให้รอยจางเร็วขึ้นและลดโอกาสเกิดรอยถาวร หากรอยแดงอยู่นานเกิน 3 เดือน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาการดูแลด้วยวิธีอื่นเพิ่มเติม
ถ้ารอยแดงจากสิวอยู่กับเรานานเกินไป อาจเป็นเพราะผิวยังอักเสบอยู่ หรือไม่ได้ดูแลผิวเหมาะสม วิธีเริ่มต้นที่ดีคือปรับพื้นฐานการดูแลผิวให้ถูกต้อง เช่น ใช้ผลิตภัณฑ์ลดรอยแดงที่มีส่วนผสมช่วยปลอบประโลมผิว ทาครีมกันแดดทุกวันเพื่อป้องกันรังสี UV ที่ทำให้รอยเข้มขึ้น และเติมความชุ่มชื้นด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์เพื่อช่วยซ่อมแซมเกราะผิว
หากลองวิธีพื้นฐานแล้วยังไม่ดีขึ้น อาจต้องพึ่งการลดรอยแดงจากสิวเร่งด่วนเพิ่มเติม เช่น การผลัดเซลล์ผิว (AHA / BHA) เลเซอร์ลดรอยแดง IPL หรือทรีตเมนต์จากแพทย์ผิวหนัง ช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวของผิวให้เร็วขึ้น ที่สำคัญ ต้องหลีกเลี่ยงการแกะสิว ใช้ผลิตภัณฑ์รุนแรง หรือปล่อยผิวให้โดนแดดซ้ำๆ เพราะจะยิ่งทำให้รอยแดงอยู่กับเรานานกว่าเดิม
รอยแดงจากสิวค่อยๆ จางลงได้ หากเราใส่ใจดูแลผิวถูกวิธีในทุกวัน ไม่จำเป็นต้องพึ่งเลเซอร์หรือหัตถการเสมอไป มาดูวิธีรักษารอยแดงจากสิวธรรมชาติด้วยตัวเองที่ทำตามได้ง่าย ช่วยให้ผิวฟื้นตัวเร็วขึ้นได้ดังนี้
การทานวิตามินเสริมเป็นอีกหนึ่งวิธีลดรอยแดงจากสิว ช่วยฟื้นบำรุงรอยแดงจากสิวจากภายใน โดยเฉพาะวิตามินซี วิตามินอี สังกะสี และโอเมกา 3 ช่วยลดการอักเสบ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และซ่อมแซมผิวที่ถูกทำร้ายจากสิว และยังช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานดีขึ้น ทำให้ผิวฟื้นตัวไวและลดโอกาสเกิดรอยใหม่ แต่ถ้าทานสม่ำเสมอร่วมกับการดูแลผิวที่ดี รอยแดงก็จะค่อยๆ จางลงเป็นธรรมชาติ ช่วยให้ผิวโดยรวมดูสุขภาพดีขึ้นด้วย
การใช้ครีมบำรุงผิวช่วยลดรอยแดงจากสิวได้ เพราะช่วยสร้างเกราะป้องกันผิว ลดการอักเสบ และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวแข็งแรงขึ้น ควรเลือกสูตรอ่อนโยน ปราศจากแอลกอฮอล์ น้ำหอม และพาราเบน เพื่อไม่ให้ผิวระคาย
ส่วนผสมที่ช่วยลดรอยได้ดี ได้แก่ Centella Asiatica (ใบบัวบก) ช่วยสมานผิว Niacinamide ลดรอยแดงและสีผิวไม่สม่ำเสมอ Aloe Vera ลดการอักเสบ และ Ceramide หรือ Hyaluronic Acid เติมความชุ่มชื้นให้ผิว เมื่อใช้ต่อเนื่องร่วมกับการดูแลผิวที่ถูกต้อง ผิวจะค่อยๆ ฟื้นตัวและรอยแดงจางลง
การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดรอยแดงจากสิวตั้งแต่ต้น ช่วยดูแลผิวเชิงป้องกันไม่ให้สิวทิ้งรอยไว้ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดการอักเสบ ควบคุมสิว และเสริมเกราะป้องกันผิวไปพร้อมกัน ส่วนผสมที่ควรมองหา เช่น Niacinamide ลดการอักเสบและรอยแดง Azelaic Acid ลดการระคายและปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
Centella Asiatica และ Allantoin ช่วยปลอบประโลมผิว รวมถึง Ceramide หรือ Panthenol ที่ช่วยซ่อมแซมเกราะผิว หากใช้เป็นประจำตั้งแต่ช่วงที่สิวยังไม่ทิ้งรอย จะช่วยลดโอกาสที่ผิวจะเกิดรอยแดงหรือแผลเป็นในระยะยาว
มั่นใจได้กับผิวสุขภาพดีด้วย Sebium Serum เซรั่มช่วยลดโอกาสเกิดสิวและควบคุมความมันผิว ด้วยเทคโนโลยี FLUIDACTIV™ ที่ดูแลสิวถึงต้นเหตุ สูตรนี้ผสานกรดซาลิไซลิกช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดรอยสิว ให้ผิวเรียบเนียน ริ้วรอยแลดูตื้นขึ้น ผิวชุ่มชื้นยาวนาน นุ่มนวลต่อผิว เหมาะกับคนที่มีปัญหาสิว ผิวมัน หรือผิวผสมเป็นพิเศษ
ผิวดูเรียบเนียนด้วย Sebium Pore Refiner สำหรับผิวผสมถึงผิวมันโดยเฉพาะ รูขุมขนดูกระชับเล็กลง ไม่อุดตัน ควบคุมความมันส่วนเกินได้ตลอดวัน เสริมประสิทธิภาพเป็นเมกอัปเบส เนื้อครีมอ่อนโยน เหมาะกับผิวบอบบาง มีเทคโนโลยี Fluidactiv™ ช่วยควบคุมคุณภาพไขมันใต้ผิวหนัง ไม่ให้เกิดสิว พร้อมกรดอะการิกและ Mattifying Powder ช่วยกระชับผิวและลดความมันเงา
การสครับหน้าเป็นวิธีช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วออกจากผิวชั้นบน กระตุ้นให้ผิวสร้างเซลล์ใหม่ที่เรียบเนียนและสีผิวสม่ำเสมอ ทำให้ช่วยลดรอยแดงจากสิวได้ดี
ควรเลือกสครับที่มีเม็ดสครับละเอียด ไม่บาดผิว หรือใช้สูตรผลัดเซลล์แบบอ่อนโยน เช่น AHA, BHA แทนการขัดแรงๆ เพราะผิวที่มีรอยแดงจะบอบบางอยู่แล้ว หากทำสัปดาห์ละ 1 - 2 ครั้ง จะช่วยให้ผิวดูใสขึ้น ลดการสะสมสิ่งสกปรก และทำให้ครีมบำรุงซึมเข้าผิวได้ดีขึ้น
แสงแดดคือศัตรูตัวสำคัญของรอยแดงจากสิว เพราะรังสี UV จะกระตุ้นให้ผิวอักเสบมากขึ้นและทำให้รอยแดงเข้มจนกลายเป็นรอยดำได้ การทาครีมกันแดดทุกวันจึงเป็นขั้นตอนที่ช่วยป้องกันไม่ให้รอยแดงลุกลามหรือหายช้า ควรเลือกกันแดดที่มี SPF 30 ขึ้นไป และ PA+++ หรือมากกว่า ปกป้องทั้ง UVA และ UVB เลือกสูตรอ่อนโยน ปราศจากน้ำหอม แอลกอฮอล์ และไม่อุดตันรูขุมขน (Non-comedogenic)
ส่วนผสมที่ช่วยปลอบประโลมผิวและลดการระคาย เช่น Zinc Oxide, Titanium Dioxide, Centella Asiatica, Niacinamide หรือ Aloe Vera ช่วยให้ผิวที่มีรอยแดงไม่ลุกลาม เสริมการฟื้นตัวของผิวให้ดีขึ้น
Photoderm XDefense ครีมกันแดดสำหรับผิวแพ้ง่ายและเป็นสิวง่าย ปกป้องครบทั้งแสงแดด แสงยูวี คลื่นความร้อน และมลภาวะ ด้วยเทคโนโลยี Environmental Active Defense ที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและป้องกันจากการทำร้ายผิว ฝุ่น ควันและแสงต่างๆ พร้อม Detox Science Technology ดีท็อกซ์ฟื้นบำรุงให้ผิวกระจ่างใส เนื้อสัมผัส Ultra Fluid บางเบาแห้งสบาย ไม่เหนียว ไม่เป็นคราบขาว คุมมันและให้ความชุ่มชื้นยาวนาน 8 ชั่วโมง แม้ใช้ตัวกรองแสงแดดเพียง 3 ตัวก็ยังปกป้องได้ครบทั้ง UVA / UVB และแสงที่มองเห็น
รอยแดงจากสิวป้องกันได้ตั้งแต่ต้น ถ้าเราใส่ใจดูแลผิวถูกวิธีตั้งแต่ช่วงที่สิวยังไม่อักเสบหนัก การปรับพฤติกรรมเล็กๆ ในชีวิตประจำวันช่วยให้ผิวแข็งแรง ลดการอักเสบ และไม่ทิ้งรอยไว้ให้กังวลภายหลัง เริ่มได้จากเรื่องง่ายๆ ดังนี้
ลักษณะ : สีชมพู แดง หรือแดงอมม่วง เกิดหลังสิวอักเสบใหม่ ๆ
สาเหตุ: เส้นเลือดฝอยใต้ผิวขยายตัวจากการอักเสบ หรือจากการกด/แกะสิว
ระยะเวลาจาง: ประมาณ 2–8 สัปดาห์
วิธีดูแล:
ลักษณะ: สีเข้ม น้ำตาล ม่วง หรือเทา เกิดหลังสิวหายไปสักระยะ
สาเหตุ: เมลานินผลิตมากเกินไปจากการอักเสบ หรือถูกกระตุ้นด้วยแสงแดด
ระยะเวลาจาง: ประมาณ 1–6 เดือน หรืออาจนานกว่า
วิธีดูแล:
รอยแดงจากสิวส่วนใหญ่ค่อยๆ จางได้เองหากดูแลผิวถูกวิธี แต่บางกรณีควรรีบปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อป้องกันการลุกลามหรือทิ้งรอยถาวร
ในกรณีนี้ แพทย์อาจพิจารณาใช้เลเซอร์ IPL, V-Beam ยาทาเฉพาะจุด หรือยาลดการอักเสบ เพื่อให้รอยแดงจางเร็ว ไม่ทิ้งรอยลึกหรือปัญหาผิวระยะยาวตามมา
รอยแดงจากสิวเกิดจากการอักเสบของผิวหลังสิวหาย โดยเฉพาะเมื่อเส้นเลือดฝอยใต้ผิวขยายตัวจากสิวอักเสบ หรือการกด แกะสิว แม้จะไม่อันตรายและไม่ใช่แผลถาวร แต่หากไม่ดูแลให้ถูกวิธี รอยแดงอาจอยู่นานหลายเดือนหรือพัฒนาเป็นรอยดำได้
การดูแลเริ่มจากปล่อยให้ผิวฟื้นตัวอย่างอ่อนโยน ใช้ผลิตภัณฑ์ลดรอยที่ช่วยปลอบประโลมและซ่อมแซมผิว ร่วมกับทาครีมกันแดดทุกวันเพื่อป้องกันรอยเข้มขึ้น ควรเลือกสกินแคร์ที่อ่อนโยน ไม่มีแอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือสารระคายผิว หากรอยแดงไม่ดีขึ้นภายใน 2 - 3 เดือน หรือมีอาการอักเสบรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อดูแลอย่างถูกต้อง
วิตามินซีมีส่วนช่วยลดรอยสิวทั้งลดรอยดำ รอยแดงจากสิว ช่วยยับยั้งกระบวนการสร้างเม็ดสีผิว ลดการอักเสบ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวซ่อมแซมตัวเองและรอยสิวดูจางลงได้
การบีบสิวทำให้ผนังรูขุมขนและผิวรอบๆ อักเสบหรือเสียหาย เกิดเป็นรอยแดงจากการบาดเจ็บและอักเสบของผิวผสานกับการระคายผิว ถ้าไม่ดูแลรอยแดงอาจกลายเป็นจุดด่างดำหรือรอยสิวในภายหลัง
ควรงดอาหารมันและหวานจัด ผลิตภัณฑ์นม อาหารแปรรูป รวมถึงการแตะผิวหน้าบ่อยๆ และใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระคายผิว นอกจากนี้ ควรเลี่ยงความเครียดและพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อไม่ให้ฮอร์โมนกระตุ้นสิวเพิ่มขึ้น
ผิวผสมถึงผิวเป็นสิวง่าย
ผิวจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เนื่องจากผิวจะมีความหนามากขึ้น มันเงา เกิดสิวอักเสบเป็นจุดมากน้อยแตกต่างกันไป และบางครั้งก็ยังคงเป็นเช่นนั้นต่อเนื่องไปจนถึงวัยผู้ใหญ่อีกด้วย
ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มซีเบี่ยม (Sébium) เป็นผลิตภัณฑ์ที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อผิวมันและเป็นสิวง่ายโดยเฉพาะ
ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มซีเบี่ยม (Sébium) มีผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและดูแลผิวที่แพทย์ผิวหนังแนะนำโดยเฉพาะ ทั้งผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าสำหรับผิวมัน อย่างเจลล้างหน้าและไมเซล่า วอเตอร์ มอยส์เจอไรเซอร์สำหรับผิวเป็นสิวง่าย และอื่นๆ อีกมากมาย เลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวประจำวันให้ตัวคุณเลย!