5 วิธีเลือกเนื้อครีมกันแดด เลือกแบบไหน ให้เหมาะกับผิวเรา

การทาครีมกันแดดนั้นถือว่าเป็นขั้นตอนในการดูแลผิวที่สำคัญ และกำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะในปัจจุบันนั้นหลาย ๆ คนเริ่มหันมาสนใจการดูแลผิวกันมากขึ้น และรังสียูวีจากแสงแดดที่มีความรุนแรงมากขึ้น จนสามารถส่งผลกระทบให้เกิดปัญหาผิวต่างๆ ตามมาได้ ไม่ว่าจะเป็นผิวหมองคล้ำ ฝ้า กระ จุดด่างดำ ผิวมีริ้วรอย หรืออาจรุนแรงจนเกิดเป็นมะเร็งผิวหนังได้ ดังนั้น ทาง Bioderma จึงจะมาแชร์วิธีเลือกเนื้อครีมกันแดดให้เหมาะสมกับผิว เพื่อให้ใช้กันแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

หัวข้อที่น่าสนใจ

• 5 วิธีเลือกเนื้อครีมกันแดดให้เหมาะกับผิว
• ทำไมถึงต้องเลือกเนื้อครีมกันแดดให้เหมาะกับผิว?
• เลือกใช้ครีมกันแดดอย่างไรดี?

5 วิธีเลือกเนื้อครีมกันแดดให้เหมาะกับผิว

ก่อนเริ่มใช้ครีมกันแดด จะต้องเลือกเนื้อครีมกันแดดให้เหมาะสมกับผิว เพื่อป้องกันผลข้างเคียงจากการเลือกกันแดดที่ไม่เหมาะสมกับผิว เช่น เกิดการอุดตัน มันเยิ้ม ไม่เกาะผิว หรือไม่มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสียูวีได้อย่างเพียงพอ โดย 5 วิธีเลือกเนื้อครีมกันแดดนั้นควรพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

1. สภาพผิว

สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเลือกเนื้อครีมกันแดด คือ สภาพผิว เพราะว่าสภาพผิวแต่ละแบบนั้นมีลักษณะที่แตกต่างกัน เช่น ผิวแห้ง เป็นผิวที่มีน้ำมันบนผิวน้อย ขาดความชุ่มชื้น และอาจมีอาการผิวแห้งลอก หรือแห้งเป็นขุย จึงควรใช้ครีมกันแดดที่สามารถช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวได้ เช่น กันแดดที่มีเนื้อครีม เป็นต้น หรือ ผิวมัน เป็นผิวที่มีน้ำมันบนผิวมากกว่าปกติ ถ้าหากใช้ครีมกันแดดที่มีเนื้อสัมผัสหนัก อาจจะทำให้ผิวเกิดความมันเยิ้มมากกว่าเดิมได้ จึงควรใช้ครีมกันแดดที่มีเนื้อสัมผัสบางเบา และไม่เพิ่มความมันวาวให้กับผิว เช่น กันแดดที่มีเนื้อเจล กันแดดเนื้อน้ำนม เป็นต้น ดังนั้น ก่อนเลือกซื้อครีมกันแดดจึงควรพิจารณาสภาพผิวของตัวเองก่อนว่ามีสภาพผิวเป็นแบบไหน เพื่อที่จะได้เลือกใช้เนื้อครีมกันแดดให้เหมาะสมกับสภาพผิวมากที่สุด

2. เนื้อสัมผัส

ขั้นตอนต่อไปในการเลือกครีมกันแดด คือ เนื้อสัมผัส โดยการเลือกเนื้อสัมผัสของครีมกันแดดนั้นจะอ้างอิงมาจากสภาพผิวของเรา เมื่อเรารู้แล้วว่าสภาพผิวของเราเป็นแบบไหน ก็จะต้องเลือกเนื้อสัมผัสที่เหมาะสมกับผิวของเรามากที่สุด ซึ่งเนื้อสัมผัสของครีมกันแดดที่ได้รับความนิยม และหาซื้อได้ง่ายนั้นสามารถแบ่งได้เป็น 4 แบบ ได้แก่ เนื้อสัมผัสแบบครีม แบบเนื้อน้ำนม แบบเจล แบบสเปรย์ และแบบแท่ง และแต่ละแบบนั้นก็จะมีเนื้อสัมผัสที่แตกต่างกัน ดังนี้

• แบบครีม เป็นเนื้อสัมผัสที่ไม่เบาบางจนเกินไป แต่ไม่หนักผิว และสามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวได้
• แบบเนื้อน้ำนม เป็นเนื้อสัมผัสที่มีความบางเบามากกว่าแบบครีม สามารถเกลี่ยลงบนผิวได้ง่าย ซึมลงผิวได้ดี และให้ความรู้สึกเบาสบายผิว
• แบบเจล เป็นเนื้อสัมผัสที่มีความเบาบาง ซึมง่าย ไม่หนักผิว และไม่มีสี จึงนิยมนำมาใช้เป็นไพรเมอร์ก่อนแต่งหน้า
• แบบสเปรย์ เป็นเนื้อสัมผัสที่มีความเบาบางเช่นกัน เพราะมาในรูปแบบของสเปรย์ที่ฉีดออกมาเป็นฝอยละออง สามารถพกพาได้ง่าย ใช้งานสะดวก และไม่รบกวนเครื่องสำอาง จึงนิยมนำมาใช้กันในระหว่างวัน 
• แบบแท่ง เป็นเนื้อสัมผัสคล้ายกับแบบเจล มีความเบาบาง ซึมง่าย แต่อาจจะทิ้งความมันวาวไว้บนผิวเล็กน้อย และจะต้องทาซ้ำ ๆ หลายครั้ง เพื่อให้ได้ปริมาณกันแดดที่เหมาะสม เพราะเป็นกันแดดสำเร็จรูปที่อัดมาเป็นแท่ง ถ้าหากทาไม่มากพอก็อาจจะทำให้ประสิทธิภาพในการกันแดดน้อยลง

3. ค่า SPF และค่า PA

ค่า SPF และค่า PA เป็นอีกสิ่งที่ควรนำมาพิจารณาในการเลือกซื้อครีมกันแดด เพราะค่า SPF นั้นจะช่วยป้องกันผิวจากรังสี UVB ควรเลือกใช้กันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป โดยส่วนใหญ่จะใช้ SPF 50 เพราะว่าเป็นค่าที่เหมาะสมกับแดดประเทศไทย และในส่วนของค่า PA นั้นจะช่วยป้องกันผิวจากรังสี UVA ควรเลือกใช้กันแดดที่มีค่า PA ตั้งแต่ 1 บวกขึ้นไป โดยส่วนใหญ่มักจะนิยมใช้ PA+++ เพื่อป้องกันผิวจากแสงแดดให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด

4. ประเภทของกันแดด

นอกจากเนื้อสัมผัส ค่า SPF และค่า PA แล้ว อีกสิ่งที่สำคัญในการเลือกซื้อครีมกันแดดให้เหมาะกับผิว คือ ประเภทของกันแดด โดยประเภทของกันแดดนั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่ Chemical Sunscreen, Physical Sunscreen และ Chemical-Physical Sunscreen ซึ่งมีความแตกต่างกันทั้งด้านหลักการทำงาน ด้านส่วนผสม และเนื้อสัมผัส ดังนั้น จึงควรตรวจสอบดูก่อนว่าแต่ละประเภทนั้นมีลักษณะเป็นอย่างไร มีการทำงานอย่างไร และเนื้อสัมผัสหลังจากทาเป็นแบบไหน เพื่อที่จะได้เลือกได้ถูกว่าสภาพผิวของเรานั้นเหมาะกับกันแดดประเภทไหนมากที่สุด

5. กิจวัตรประจำวัน

กิจวัตรประจำวันของแต่ละคนนั้นมีความแตกต่างกัน จึงทำให้โอกาสในการเจอกับแสงแดดไม่เหมือนกัน เช่น ผู้ที่ทำงานในอาคาร หรือออฟฟิศ ก็จะมีโอกาสในการเจอแสงแดดน้อย ก็อาจจะไม่ต้องเติมกันแดดในระหว่างวัน แต่ผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง ที่จะต้องเจอกับแสงแดดเกือบทั้งวัน ก็อาจจะต้องเติมกันแดดซ้ำทุก ๆ 1-2 ชั่วโมง เพื่อให้ผิวได้รับการปกป้องจากแสงแดด ดังนั้น จึงควรเลือกใช้เนื้อครีมกันแดดที่เหมาะสมกับสภาพอากาศในชีวิตประจำวัน รวมถึงค่า SPF ค่า PA และประเภทของกันแดด เพื่อให้กันแดดนั้นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

ทำไมถึงต้องเลือกเนื้อครีมกันแดดให้เหมาะกับผิว?

สำหรับเหตุผลที่ว่า “ทำไมเราถึงต้องเลือกเนื้อครีมกันแดดให้เหมาะกับผิว?” นั่นก็คือ เพื่อให้ผิวได้รับการปกป้องได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด เพราะครีมกันแดดแต่ละแบบนั้นมีความแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัมผัส ประเภทของครีมกันแดด ค่า SPF หรือค่า PA ถ้าหากเลือกกันแดดที่ไม่เหมาะสมกับผิว และกิจวัตรประจำวันของตัวเอง อาจทำให้ผิวได้รับผลเสียตามมาได้ เช่น ฝ้า กระ จุดด่างดำ ริ้วรอย หรือผิวหมองคล้ำได้ นอกจากนั้นแสงแดดยังเป็นอีกสาเหตุที่ก่อให้เกิดโอกาสในการเกิดสิวได้อีกด้วย แถมยังสามารถส่งผลอันตรายได้มากถึงการเป็นมะเร็งผิวหนังเลยทีเดียว ดังนั้น ถ้าหากเราเลือกครีมกันแดดที่ไม่เหมาะกับผิว อาจทำให้กันแดดทำงานได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ จนส่งผลเสียตามมาได้ในที่สุด

เลือกใช้ครีมกันแดดอย่างไรดี?

ถ้าหากคุณอยากจะได้ครีมกันแดดดี ๆ สักตัว แต่ไม่รู้ว่าจะเลือกใช้ครีมกันแดดอย่างไรดี ที่สามารถช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ก่อให้เกิดการอุดตันที่เป็นสาเหตุของปัญหาสิว ทาง Bioderma ขอแนะนำครีมกันแดดทั้ง 3 สูตร ดังนี้

Photoderm AKN MAT SPF30

Photoderam AKN MAT SPF30 ครีมกันแดดสูตรคุมมันแบบ Chemical Sunscreen มี UV Filter ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB มาพร้อมกับสิทธิบัตร FLUIDACTIV^TM ช่วยปรับสมดุลของน้ำมันบนผิว ลดโอกาสในการเกิดการอุดตัน และการเกิดสิว รวมถึงมี BHA & AHA ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว ปรับผิวให้เรียบเนียน และป้องกันการเกิดสิวใหม่ และด้วยคุณสมบัติ Absorbent Powder ที่ช่วยคุมมันยาวนานถึง 8 ชั่วโมง เหมาะสำหรับผู้ที่มีสภาพผิวมัน ผิวผสม ผิวเป็นสิว หรือมีแนวโน้มเป็นสิวง่าย หมดกังวลเรื่องปัญหาทาครีมกันแดดแล้วผิวมันเยิ้มจนทำให้เกิดปัญหาสิวตามมา

Photoderm Aquafluide SPF50+

Photoderm Aquafluide SPF50+ ครีมกันแดดที่เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย ระคายง่าย ด้วยเทคโนโลยี Sun Active Defense ที่มีทั้ง UV Filter, Ectoin และ Mannitol ที่ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB พร้อมปกป้องผิวเสื่อมจากรังสี UVA สูงขึ้นถึง 84% (จากผลการวิจัย ในอาสาสมัคร 20 คน ปี 2021 Eurofins Dermscan 20E0976/ Poland 2021) และช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดได้อย่างยาวนานถึง 8 ชั่วโมง เนื้อบางเบา ซึมไว เกลี่ยง่าย สบายผิว ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน ไม่ทิ้งความมันวาว ไม่มีสี และไม่ทิ้งคราบขาว สามารถใช้ร่วมกับการแต่งหน้าหน้าได้

Photoderm Cover Touch SPF50+

Photoderm Cover Touch SPF50+ ครีมกันแดดสีเนื้อ สูตร Mineral 100% ช่วยปกปิดจุดด่างดำบนผิวให้ดูเรียบเนียน คุมมันได้ยาวนานถึง 8 ชั่วโมง ไม่อุดตัน และไม่ก่อให้เกิดสิว มาพร้อมกับเทคโนโลยี Sun Active Defense ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA, UVB และแสงสีฟ้า รวมถึงสิทธิบัตร FLUIDACTIV™ ช่วยปรับสมดุลของน้ำมันบนผิว หมดกังวลเรื่องผิวมันเยิ้มที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว

การเลือกใช้เนื้อครีมกันแดดให้เหมาะกับสภาพผิวนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพื่อให้ผิวของเรานั้นได้รับการปกป้องจากแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และป้องกันผลเสียต่าง ๆ ที่เกิดจากแสงแดด เช่น ผิวหมองคล้ำ ฝ้า กระ หรือจุดด่างดำ รวมถึงปัญหาปัญหาสิว เพราะแสงแดดก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่กระตุ้นให้เกิดสิวได้ ดังนั้น การเลือกเนื้อครีมกันแดดตามปัจจัยต่าง ๆ ที่นำมาฝากในบทความนี้ ก็เป็นอีกทางที่จะช่วยให้คุณได้เลือกกันแดดที่ใช่ และเหมาะสมกับผิวของคุณได้อย่างแน่นอน