รอยแผลเป็นจากสิวเกิดจากอะไร? วิธีฟื้นบำรุงผิวให้กลับมาเรียบเนียน
รอยแผลเป็นจากสิวเกิดจากกระบวนการซ่อมแซมผิวหลังสิวหาย วิธีรักษารอยแผลเป็นจากสิว คือใช้ผลิตภัณฑ์ลดรอยแผลเป็น ทาครีมกันแดด รักษารอยแผลเป็นแบบธรรมชาติ
รอยแผลเป็นจากสิวเกิดจากกระบวนการซ่อมแซมผิวหลังสิวหาย วิธีรักษารอยแผลเป็นจากสิว คือใช้ผลิตภัณฑ์ลดรอยแผลเป็น ทาครีมกันแดด รักษารอยแผลเป็นแบบธรรมชาติ
Key Takeaway
บางครั้งสิวหายแล้ว แต่สิ่งที่ทิ้งไว้กลับไม่ใช่ผิวเนียนใส แต่คือ ‘รอยแผลเป็นจากสิว’ ที่เกิดจากกระบวนการซ่อมแซมตัวเองของผิวหลังการอักเสบ หากคอลลาเจนสร้างไม่สมดุลก็จะกลายเป็นรอยลึก หรือรอยนูนที่อยู่กับผิวเราไปอีกสักพัก วิธีดูแลให้ดีขึ้นทำได้โดยใช้ผลิตภัณฑ์ลดรอยแผลเป็น ทาครีมกันแดดทุกวัน และบำรุงหรือดูแลด้วยวิธีธรรมชาติ แม้จะไม่ได้เห็นผลในคืนเดียว แต่ถ้าค่อยๆ ดูแลอย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอ รอยแผลเป็นจากสิวก็จางลงได้จริง ผิวแข็งแรงขึ้น และทำให้เรารู้สึกมั่นใจมากกว่าที่เคย!
รอยแผลเป็นจากสิวไม่ได้เกิดขึ้นทันทีหลังจากสิวหาย แต่เกิดจากการที่ผิวพยายามซ่อมแซมตัวเองหลังการอักเสบของสิว หากกระบวนการซ่อมแซมนี้ไม่สมดุล ผิวก็จะทิ้งร่องรอยไว้ ทั้งในรูปแบบของหลุมสิวหรือรอยนูนแทนผิวเรียบเนียน
รอยแผลเป็นจากสิวบางประเภทสามารถจางลงได้เองตามธรรมชาติ แต่ไม่ใช่ทุกรอยที่จะหายไปเอง หากเป็นแค่รอยแดงหรือรอยดำ (Post-inflammatory erythema / Hyperpigmentation) ผิวสามารถฟื้นตัวและจางลงได้เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะถ้าดูแลผิวดีและทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ
แต่ถ้าเป็นหลุมสิวหรือรอยนูน แผลเป็นจริงๆ ถือว่าเป็นความเสียหายของผิวชั้นลึก จะไม่หายเอง และต้องอาศัยการดูแลด้วยวิธีหัตถการหรือยาทาลดแผลเป็นเพื่อช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ดังนั้น รอยแผลเป็นจากสิวบางแบบอาจจางได้เอง แต่หากเป็นรอยลึกหรือมีมานาน การดูแลโดยแพทย์จะช่วยให้เห็นผลเร็วและชัดเจนมากกว่าการปล่อยให้ผิวฟื้นเอง
รอยแผลเป็นจากสิวไม่ได้มีแค่แบบเดียว แต่แบ่งได้หลายประเภทตามลักษณะของผิวที่ถูกทำลาย และวิธีดูแลก็แตกต่างกันไปด้วย หากเข้าใจประเภทของรอยแผลเป็น ก็จะช่วยเลือกแนวทางดูแลได้ตรงจุดมากขึ้น
รอยแดงจากสิวเกิดจากการอักเสบของผิวที่ทำให้เส้นเลือดฝอยบริเวณนั้นขยายตัว เมื่อสิวหายแล้วเส้นเลือดยังไม่หดกลับ ผิวจึงทิ้งรอยแดงไว้แทนผิวเรียบปกติ พบในคนที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย หรือชอบบีบ แกะสิวจนผิวช้ำ เกิดจากเส้นเลือดใต้ผิว ไม่ใช่เม็ดสีผิวเหมือนรอยดำ จึงเห็นชัดเวลาหน้าแดง อากาศร้อน หรือหลังออกกำลังกาย ถ้าดูแลผิวดีๆ และทากันแดดสม่ำเสมอ รอยแดงสามารถจางลงได้เองในช่วงไม่กี่เดือน แต่หากรุนแรง อาจต้องใช้วิธีทางการแพทย์ช่วยกระตุ้นให้หายเร็วขึ้น
รอยดำจากสิวเกิดขึ้นหลังผิวมีการอักเสบ เช่น สิวอักเสบหรือการบีบ แกะสิว ทำให้ร่างกายกระตุ้นให้เม็ดสีเมลานินผลิตมากขึ้นเพื่อซ่อมแซมผิวบริเวณนั้น ผลคือทิ้งรอยสีน้ำตาลเทา หรือคล้ำกว่าสีผิวปกติไว้ตรงจุดที่เคยเป็นสิว รอยแบบนี้ไม่ใช่แผลเป็นถาวร แต่เป็นการสะสมของเม็ดสีใต้ผิว จึงสามารถค่อยๆ จางลงเองได้ หากดูแลผิวดีและทากันแดดสม่ำเสมอ แต่ถ้าปล่อยผิวให้โดนแดดหรือขาดการบำรุง รอยก็อาจเข้มขึ้นหรืออยู่กับเราไปอีกนานหลายเดือนเลยทีเดียว
รอยหลุมสิว คือรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิวอักเสบรุนแรงจนผิวชั้นลึกถูกทำลาย ร่างกายสร้างคอลลาเจนขึ้นมาซ่อมแซมไม่ทันหรือไม่เพียงพอ จึงทิ้งรอยลึกไว้บนผิวแทน ผิวเลยไม่เรียบเสมอเหมือนเดิม และต้องใช้เวลาดูแลนานกว่ารอยแดงหรือรอยดำทั่วไป
รอยนูนจากสิวเกิดจากการที่ผิวสร้างคอลลาเจนมากเกินไปในช่วงที่กำลังซ่อมแซมตัวเองหลังการอักเสบของสิว ทำให้ผิวบริเวณนั้นนูนสูงขึ้นกว่าผิวปกติ แทนที่จะเป็นรอยยุบเหมือนหลุมสิว Hypertrophic Scar จะนูนเฉพาะบริเวณที่เคยเป็นสิว ส่วน Keloid Scar จะนูนลามออกจากขอบเดิมของแผล ดูหนา แข็ง และสีเข้มกว่า สีชมพู แดง หรือน้ำตาล พบบ่อยในคนที่ผิวไวต่อการสร้างแผลเป็น หรือมีประวัติเป็นคีลอยด์มาก่อน
รอยชนิดนี้ไม่หายเอง ต้องได้รับการดูแลด้วยวิธีเฉพาะ เช่น ฉีดยาสเตียรอยด์ เลเซอร์ หรือซิลิโคนแผ่นปิดแผล เพื่อช่วยให้รอยนูนค่อยๆ แบนราบลง
รอยแผลเป็นจากสิวไม่เพียงทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียน แต่ยังส่งผลต่อความมั่นใจในชีวิตประจำวัน หากปล่อยทิ้งไว้นาน ผิวอาจฟื้นได้ยากขึ้น หรือรอยอาจฝังลึกจนต้องใช้เวลาดูแลนานกว่าเดิม ดังนั้นการเริ่มดูแลตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้รอยจางไว และลดโอกาสเกิดรอยถาวรในอนาคตได้มากกว่า
บางคนอาจยังไม่อยากเริ่มใช้ยา หรือทำหัตถการ เพราะกลัวผิวระคาย วิธีธรรมชาติจึงกลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ทั้งอ่อนโยนและเข้าถึงง่าย แม้เห็นผลช้ากว่าวิธีทางการแพทย์ แต่หากทำสม่ำเสมอก็ช่วยให้รอยแผลเป็นดูจางลง และช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้นได้
วิธีรักษารอยแผลเป็นจากสิวแบบธรรมชาติ
การดูแลรอยแผลเป็นจากสิวด้วยครีมลดรอยแผลเป็นจากสิวช่วยให้รอยดูจางลงได้เร็วกว่าแค่ปล่อยให้เวลาผ่านไป เพราะผลิตภัณฑ์เหล่านี้ถูกออกแบบให้มีส่วนผสมที่ช่วยซ่อมแซมผิว กระตุ้นคอลลาเจน หรือลดเม็ดสีสะสม ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมต่อไปนี้
ข้อแนะนำสำคัญ ก่อนเลือกผลิตภัณฑ์ควรทดสอบจุดเล็กๆ บนผิวก่อนใช้ หากมีอาการระคายให้หยุดใช้ และหากเป็นหลุมสิวลึกหรือรอยนูน ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังร่วมด้วย
การทาครีมกันแดดเป็นขั้นตอนที่สำคัญมากในการลดรอยแผลเป็นจากสิว เพราะแสงแดดกระตุ้นให้เม็ดสีใต้ผิวทำงานมากขึ้น ทำให้รอยแดงหรือรอยดำเข้มขึ้นและจางช้ากว่าปกติ การทากันแดดจะช่วยสร้างเกราะป้องกันผิว ลดการถูกทำร้ายจากรังสี UVA และ UVB ตัวการของรอยหมองคล้ำและการอักเสบซ้ำ ควรทาซ้ำทุก 2 - 3 ชั่วโมง หากต้องออกแดดหรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง เพื่อการปกป้องที่มีประสิทธิภาพ
คุณสมบัติกันแดดที่ควรมองหาคือค่า SPF 30 - 50 ขึ้นไป และ PA+++ หรือ PA++++ เพื่อป้องกันทั้งรังสี UVA และ UVB ได้ครบ สูตร Non-comedogenic และ Oil-free ไม่อุดตันรูขุมขน เหมาะสำหรับคนเป็นสิวหรือมีปัญหารอยสิว มีส่วนผสมช่วยปลอบประโลมผิว เช่น Niacinamide, Centella Asiatica, Panthenol หรือ Zinc Oxide ช่วยลดการอักเสบ และป้องกันการเกิดรอยใหม่
Photoderm XDefense ครีมกันแดดสูตรน้ำบางเบา ดูแลผิวแพ้ง่ายและสิวง่ายโดยเฉพาะ มาพร้อมเทคโนโลยี Environmental Active Defense และ Detox Science ช่วยเสริมเกราะปกป้องผิวจากรังสี UVA/UVB แสงที่มองเห็น คลื่นความร้อน และมลภาวะ ฟื้นบำรุงให้ผิวกระจ่างใส แข็งแรง ไม่หมองง่ายเหมือนเดิม
การดูแลผิวตั้งแต่ช่วงที่สิวยังไม่หายดี คือวิธีที่ดีในการป้องกันรอยแผลเป็น เพราะเมื่อผิวอักเสบมากขึ้น หรือโดนกระตุ้นซ้ำๆ ยิ่งเพิ่มโอกาสให้เกิดรอยแดง รอยดำ หรือหลุมสิวในภายหลัง ดังนั้น การป้องกันตั้งแต่ต้นจึงช่วยไม่ให้ต้องเสียเวลาฟื้นบำรุงผิวนานในอนาคต
รอยแผลเป็นจากสิวเกิดจากกระบวนการที่ผิวพยายามซ่อมแซมตัวเองหลังการอักเสบ หากผิวซ่อมตัวไม่สมบูรณ์หรือถูกกระตุ้นซ้ำ เช่น บีบสิว แกะสิว ก็อาจทิ้งรอยไว้ทั้งแบบชั่วคราวและถาวร รอยแผลเป็นจากสิวแบ่งเป็นรอยแดง รอยดำ รอยหลุมสิว และรอยนูน ซึ่งแต่ละแบบมีสาเหตุและวิธีดูแลที่ต่างกัน
ลบรอยแผลเป็นจากสิวด้วยการดูแลผิวอย่างอ่อนโยน ไม่ควรแคะ แกะ เกา หรือใช้สกินแคร์ที่ระคายผิว ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดรอยแผลเป็นจากสิว เช่น ครีมรักษารอยแผลเป็นจากสิวที่มีสารจำพวก Vitamin C, Niacinamide, Retinoids, Centella Asiatica หรือ AHA/BHA ควบคู่กับการทาครีมกันแดดทุกวัน เพื่อป้องกันรอยเข้มขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถเสริมด้วยวิธีธรรมชาติหรือทำหัตถการโดยแพทย์ผิวหนังเพื่อผลลัพธ์ที่ดี
หลังเป็นสิวมักมีแผลหรือรอย เพราะสิวอักเสบทำลายเนื้อเยื่อและคอลลาเจนใต้ผิว หรือเกิดจากการบีบ แกะ เกา ทำให้เกิดการบาดเจ็บและอักเสบลึก ส่งผลให้ผิวสร้างรอยแดง รอยดำ หรือหลุมสิวในจุดที่เคยเป็นสิว
รอยแผลเป็นจากสิวแบบรอยแดงมักจางลงใน 1 - 3 เดือน ขึ้นอยู่กับความรุนแรงและการดูแล รอยดำหรือจุดด่างดำบางกรณีอาจหายภายใน 3 - 6 เดือน ส่วนหลุมสิวหรือแผลเป็นถาวรอาจต้องดูแลเฉพาะทางถึงจะจางลง
รอยดำเกิดเพราะผิวบริเวณที่อักเสบผลิตเมลานินมากกว่าปกติ การฟื้นบำรุงผิวจึงใช้เวลานานกว่ารอยชนิดอื่น โดยเฉพาะหากไม่ได้ทาครีมกันแดดหรือดูแลผิวอย่างเหมาะสม รอยดำก็จางช้าลงอีก
ผิวผสมถึงผิวเป็นสิวง่าย
ผิวจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เนื่องจากผิวจะมีความหนามากขึ้น มันเงา เกิดสิวอักเสบเป็นจุดมากน้อยแตกต่างกันไป และบางครั้งก็ยังคงเป็นเช่นนั้นต่อเนื่องไปจนถึงวัยผู้ใหญ่อีกด้วย
ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มซีเบี่ยม (Sébium) เป็นผลิตภัณฑ์ที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อผิวมันและเป็นสิวง่ายโดยเฉพาะ
ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มซีเบี่ยม (Sébium) มีผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและดูแลผิวที่แพทย์ผิวหนังแนะนำโดยเฉพาะ ทั้งผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าสำหรับผิวมัน อย่างเจลล้างหน้าและไมเซล่า วอเตอร์ มอยส์เจอไรเซอร์สำหรับผิวเป็นสิวง่าย และอื่นๆ อีกมากมาย เลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวประจำวันให้ตัวคุณเลย!