Key Takeaway

  • ริ้วรอยใต้ตาเกิดจากอายุที่มากขึ้น แสงแดด การพักผ่อนไม่เพียงพอ ผิวแห้งขาดน้ำ และการแสดงสีหน้าซ้ำๆ
  • แม้อายุน้อยก็เกิดริ้วรอยใต้ตาได้จากผิวขาดความชุ่มชื้น การพักผ่อนไม่พอ ความเครียด การใช้สายตาต่อเนื่อง และแสงแดด
  • วิธีลดริ้วรอยใต้ตาแบบธรรมชาติ ได้แก่ นอนหลับให้เพียงพอ ดื่มน้ำมากๆ รับประทานอาหารที่มี Antioxidant ใช้ครีมบำรุงใต้ตา นวดเบาๆ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ

 

ริ้วรอยใต้ตาเป็นหนึ่งในสัญญาณแรกๆ ของความร่วงโรยบนใบหน้า ซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ทั้งจากธรรมชาติของร่างกาย เช่น การเสื่อมสลายของคอลลาเจนและอิลาสติน (Elastin) ตามวัย การสูญเสียความชุ่มชื้นของผิว รวมถึงพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ประจำวัน เช่น การอดนอน การขยี้ตาบ่อยๆ การโดนแสงแดด หรือแม้แต่ความเครียดสะสม สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้ใต้ตาเกิดริ้วรอย รอยตีนกา และถุงใต้ตาได้เร็วขึ้น 

 

Bioderma ขอพาทุกคนไปรู้จักกับสาเหตุหลักๆ ของริ้วรอยใต้ตา พร้อมเคล็ดลับวิธีลดเลือนริ้วรอย เพื่อให้ดวงตาดูสดใส อ่อนเยาว์ และเรียบเนียนมากขึ้น

 


ริ้วรอยใต้ตาเกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง

รู้จักสาเหตุของริ้วรอยใต้ตา จะช่วยให้เราดูแลและลดเลือนริ้วรอยได้ตรงจุดมากขึ้น โดยสาเหตุหลักๆ มักเกิดจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้

 

อายุมากขึ้น

เมื่ออายุมากขึ้น กระดูกบริเวณเบ้าตาจะยุบตัว ทำให้ผิวรอบดวงตาบางลงและโครงสร้างผิวอ่อนแอลง เพราะผิวผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินได้น้อยลง ผิวจึงเสียความยืดหยุ่น เกิดรอยย่นใต้ตาและริ้วรอยใต้ตา รวมถึงรอยตีนกาตามมาได้

 

การแสดงสีหน้า

การแสดงอารมณ์บนใบหน้า เช่น การยิ้ม หัวเราะ หรือขมวดคิ้ว ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มีริ้วรอยใต้ตาได้ เพราะการหดตัวและขยับของกล้ามเนื้อจะทำให้เกิดรอยพับ หากไม่ได้รับการดูแลรอยพับเหล่านี้ก็สามารถกลายเป็นเส้นริ้วรอยถาวรใต้ตาได้

 

ผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น

น้ำมีบทบาทสำคัญในการทำให้ผิวฟูและเต่งตึง เพราะช่วยให้ผิวคงความยืดหยุ่นและสมดุลความชุ่มชื้น แต่หากร่างกายขาดน้ำหรือผิวขาดความชุ่มชื้นอย่างต่อเนื่อง ผิวจะเริ่มแห้งกร้าน เหี่ยวย่นง่าย เสี่ยงเกิดริ้วรอยใต้ตา รอยตีนกาใต้ตา รวมถึงริ้วรอยบริเวณอื่นบนใบหน้าได้เร็วขึ้น การดื่มน้ำให้เพียงพอและบำรุงผิวด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์จึงช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยได้

 

การใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม

การพักผ่อนไม่เพียงพอทำให้ผิวฟื้นตัวได้น้อยลง ขณะที่สารพิษจากบุหรี่และแอลกอฮอล์สามารถยับยั้งการสร้างคอลลาเจนและทำลายเซลล์ผิว ทำให้เกิดริ้วรอยใต้ตาและริ้วรอยก่อนวัยได้ง่าย นอกจากนี้ การสัมผัสหรือถูผิวใต้ตาบ่อยๆ ยังสร้างแรงเสียดสี ทำลายคอลลาเจนและอิลาสติน ส่งผลให้ใต้ตามีริ้วรอยและเหี่ยวย่นเร็วขึ้น

ริ้วรอยใต้ตา มีกี่ประเภทและต่างกันอย่างไร

ริ้วรอยใต้ตามีหลายประเภทแต่ละแบบมีสาเหตุและลักษณะต่างกัน หากเข้าใจจะช่วยเลือกวิธีดูแลและลดเลือนริ้วรอยได้ตรงจุด นี่คือประเภทริ้วรอยใต้ตาที่พบได้บ่อย!

 

  • ริ้วรอยใต้ตาแบบตีนกา เกิดที่มุมตาเป็นเส้นเล็กๆ พาดจากมุมตาไปขมับ มักเห็นชัดเวลายิ้มหรือขยิบตา เกิดจากการขยับกล้ามเนื้อบ่อยและการสูญเสียคอลลาเจนตามวัย
  • ริ้วรอยใต้ตาแบบแนวตั้ง เกิดเป็นรอยย่นใต้ตาจากขอบตาลงไปใต้ตา มักเกิดจากการขมวดคิ้วบ่อยหรือแสดงอารมณ์ เช่น ความเครียดหรือโกรธ
  • ริ้วรอยใต้ตาแบบแนวขวาง มักเป็นเส้นขีดแนวนอนใต้ตา เกิดจากการขยับกล้ามเนื้อรอบตาซ้ำๆ เช่น ยิ้มหรือย่นหน้าผาก ทำให้ผิวใต้ตาถูกดึงจนเกิดรอยย่น
  • ริ้วรอยลึกใต้ตา เป็นริ้วรอยลึกชัดเจน เกิดจากเส้นเล็กสะสมจนกลายเป็นร่องลึก มักเกิดจากการสูญเสียคอลลาเจนและความยืดหยุ่นของผิว

ทำไมอายุน้อยถึงมีริ้วรอยใต้ตา

ริ้วรอยใต้ตาอายุน้อยมักปรากฏเป็นเส้นเล็กๆ หรือรอยพับตื้นใต้ขอบตาล่าง เห็นชัดขึ้นเมื่อยิ้ม หัวเราะ หรือแสดงสีหน้า เป็นสัญญาณว่าผิวบริเวณนั้นเริ่มขาดความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้น ปัญหานี้พบได้แม้ในวัย 20 - 30 ปี จากปัจจัยชีวิตประจำวัน เช่น การพักผ่อนน้อย ใช้สายตาต่อเนื่อง หรือสูญเสียความชุ่มชื้นใต้ผิว ส่งผลให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้าและแก่ก่อนวัย แต่สามารถแก้ไขหรือรักษาได้ด้วยวิธีที่ถูกต้อง เพื่อให้ดวงตากลับมาดูสดใสและอ่อนเยาว์อีกครั้ง

8 วิธีลดเลือนริ้วรอยใต้ตาด้วยตัวเอง

ถ้าอยากลดเลือนริ้วรอยใต้ตาด้วยตัวเอง ลองทำตาม 8 วิธีแก้ริ้วรอยใต้ตานี้เพื่อดวงตาดูอ่อนเยาว์และสดใสขึ้น

 

1. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 

การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ วันละ 6 - 8 ชั่วโมง เป็นวิธีลดริ้วรอยใต้ตาแบบธรรมชาติได้ดี เพราะขณะนอนหลับ ร่างกายจะซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอและหลั่งฮอร์โมนที่ช่วยฟื้นบำรุงเซลล์ผิว ทำให้ผิวดูสุขภาพดี ลดริ้วรอยใต้ตาและริ้วรอยอื่นๆ บนใบหน้าได้ชัดเจน

 

2. ดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอต่อวัน

หนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้าคือผิวแห้งกร้านและขาดความชุ่มชื้น โดยเฉพาะบริเวณใต้ตาที่มีน้ำและคอลลาเจนในชั้นผิวน้อย ดังนั้น ควรดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 8 - 10 แก้ว และบำรุงเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยลดโอกาสเกิดริ้วรอยใต้ตา และทำให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่งและสุขภาพดี

 

3. เลี่ยงไม่ให้แสงแดดทำร้ายผิวใต้ตา

แสงแดดเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ผิวเสื่อมสภาพและเกิดริ้วรอย การป้องกันง่ายๆ คือหลีกเลี่ยงแสงแดดโดยสวมแว่นกันแดด ซึ่งช่วยลดความรุนแรงของรังสีที่ทำร้ายผิวบริเวณใต้ตาได้ ในขั้นตอนการบำรุงผิว ควรใช้ครีมกันแดด Bioderma Photoderm XDefense Ultra Fluid (Invisible) ที่มีคุณสมบัติปกป้องผิวจากรังสี UVA, UVB และมลภาวะ ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยใต้ตา และปกป้องผิวบอบบางรอบดวงตาให้อ่อนเยาว์อยู่เสมอ

 

4. ทานอาหารที่มี Antioxidant

การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วย Antioxidant เช่น ผลไม้ตระกูลเบอร์รี อะโวคาโด บรอกโคลี บีทรูท มะละกอ และอื่นๆ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ในชั้นผิว ทำให้ผิวคงความชุ่มชื้น ลดการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว ส่งผลให้ผิวเรียบเนียน เต่งตึง และชะลอการเกิดริ้วรอยรอบดวงตา รวมถึงริ้วรอยและร่องลึกบริเวณอื่นๆ บนใบหน้าได้ด้วย

 

5. ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวใต้ตา

การใช้ครีมบำรุงผิวรอบดวงตาหรือครีมลดริ้วรอยใต้ตาโดยเฉพาะ เป็นวิธีดูแลปัญหาริ้วรอยใต้ตาอย่างตรงจุด ช่วยลดเลือนรอยเหี่ยวย่น รอยตีนกา หรือเส้นริ้วใต้ตา และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวที่บอบบางใต้ดวงตา ฟื้นบำรุงให้ผิวแข็งแรงอยู่เสมอ

หากกำลังมองหาครีมลดริ้วรอยใต้ตา ขอแนะนำ Bioderma Sensible Defensive Serum ที่ผสานสารสกัดจากคาร์โนซีนและวิตามินอี เป็น Antioxidant ทรงพลัง ปกป้องผิวรอบดวงตา พร้อม tetrapeptide-10 ฟื้นบำรุงผิวชั้นนอกและเสริมเกราะป้องกันผิว ส่วนโพลีฟีนอลจากเรดเซจลดผลกระทบจากมลภาวะ และฟูโคสโพลิเมอร์ช่วยปกป้องผิว ทำให้ผิวรอบดวงตากระชับ เรียบเนียน และลดเลือนริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

6. ใช้มาสก์ช่วยลดริ้วรอยใต้ตา

การมาสก์ใต้ตาด้วยแผ่นมาสก์ที่มีสารบำรุงช่วยลดริ้วรอย หรือใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ เช่น แตงกวา ใบบัวบก ไข่ขาวอย่างสม่ำเสมอ สามารถเพิ่มความชุ่มชื้นและวิตามินให้ผิวใต้ตาได้ แนะนำให้มาสก์อย่างน้อย 15 - 20 นาทีต่อครั้ง เพื่อบำรุงผิวใต้ตาให้ชุ่มชื้นและช่วยให้ริ้วรอยจางลง

 

7. นวดบริเวณรอบดวงตา

การนวดหรือประคบบริเวณรอบดวงตาเป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยฟื้นบำรุงผิวใต้ตา กระตุ้นการไหลเวียนเลือด และเสริมการสร้างคอลลาเจนกับอิลาสตินใต้ผิว ทำให้ผิวยืดหยุ่นขึ้น ลดโอกาสเกิดริ้วรอยใต้ตา โดยสามารถนวดวนเบาๆ หรือใช้ผ้าที่อุ่นเล็กน้อยประคบบริเวณรอบดวงตาได้

 

8. ออกกำลังกายเป็นประจำ

การออกกำลังกายไม่เพียงช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่ยังกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ส่งออกซิเจนไปเลี้ยงผิว ทำให้ผิวสดใสและกระชับ อีกทั้งช่วยควบคุมฮอร์โมนความเครียดและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน โดยแนะนำให้ออกกำลังกายสัปดาห์ละประมาณ 3 ครั้ง

 

สรุป

ริ้วรอยใต้ตาเกิดจากหลายปัจจัย เช่น อายุ แสงแดด การพักผ่อนไม่เพียงพอ และพฤติกรรมบางอย่าง เช่น การขยับกล้ามเนื้อรอบดวงตาบ่อยๆ หรือการขาดความชุ่มชื้นของผิว การดูแลทั้งภายในและภายนอกอย่างเหมาะสมสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยได้ เช่น นอนหลับให้เพียงพอ ดื่มน้ำ เลี่ยงแสงแดด รับประทานอาหารที่มีสารแอนติออกซิแดนท์ ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวรอบดวงตา นวดใต้ตา และออกกำลังกายเป็นประจำ นอกจากนี้ การใช้มาสก์ใต้ตาอย่างสม่ำเสมอ และเลี่ยงขยี้หรือถูผิวรอบดวงตาแรงๆ ก็ช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยได้ การดูแลทั้งภายในและภายนอกจะทำให้ดวงตาดูสดใส กระชับ และอ่อนเยาว์มากขึ้น

 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับริ้วรอยใต้ตา (FAQ)

รวมคำถามยอดนิยมเกี่ยวกับริ้วรอยใต้ตา พร้อมคำตอบสั้นๆ เพื่อช่วยให้เข้าใจสาเหตุ และวิธีดูแลผิวรอบดวงตาได้อย่างถูกต้อง

 

วิธีลดริ้วรอยใต้ตาเป็นรอยขีดแบบธรรมชาติ ทำอย่างไร?

วิธีลดริ้วรอยใต้ตาแบบขีดธรรมชาติ เช่น นอนหลับให้เพียงพอ ดื่มน้ำมากๆ ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์หรือเซรั่มรอบดวงตา มาสก์หรือประคบเย็นและอุ่น นวดเบาๆ รอบตา รับประทานอาหารที่มี Antioxidant

 

ริ้วรอยใต้ตาต่างจากรอยคล้ำใต้ตาอย่างไร?

ริ้วรอยใต้ตาเกิดจากการสูญเสียคอลลาเจนและอิลาสติน ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่นและบางลงจนเกิดรอยย่นหรือร่องลึก ส่วนรอยคล้ำใต้ตาคือบริเวณผิวใต้ตาที่มีสีเข้มหรือหมองคล้ำกว่า โดยเกิดจากเส้นเลือดขยาย ตัวหรือเม็ดสีในผิวหนังก่อตัวมากขึ้น ทำให้ดูเหมือนมีสีคล้ำใต้ตา

 

เริ่มใช้ผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอยใต้ตาตอนไหนดี?

ควรเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอยใต้ตา ตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป หรือเมื่อสังเกตริ้วรอยเล็กๆ (Fine lines) หรือผิวใต้ตาเริ่มแห้งกร้าน การเริ่มใช้ตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยป้องกันและชะลอการเกิดริ้วรอย ให้ผิวใต้ตายืดหยุ่นและชุ่มชื้นอยู่เสมอ

Bioderma ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มโฟโตเดิร์ม

ปกป้องผิวจากแสงแดด

ผิวแพ้ง่ายที่ต้องเผชิญกับแสงแดด

ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มโฟโตเดิร์ม (Photoderm)

Bioderma ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มโฟโตเดิร์ม

คุณกำลังมองหาครีมกันแดดประสิทธิภาพสูงสำหรับผิวของคุณอยู่หรือเปล่า

ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มโฟโตเดิร์ม (Photoderm) คือผลิตภัณฑ์กันแดดครบวงจรสำหรับทุกสภาพผิวรวมถึงผิวที่มีความไวต่อแสงแดด  โดยมีทั้งผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดสำหรับผิวที่ไวต่อสิ่งกระตุ้นอย่างแสงแดดหรือสารเคมีผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดสำหรับผิวแพ้ง่าย และผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดสำหรับผิวมันถึงผิวเป็นสิวง่ายโดยเฉพาะ