เอสเซนส์คืออะไร? ช่วยฟื้นบำรุงผิวอย่างไร พร้อมวิธีเลือกให้เหมาะกับผิว
เอสเซนส์คือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเนื้อบางเบา ช่วยเตรียมผิวให้พร้อมรับการบำรุงขั้นต่อไป แตกต่างจากน้ำตบและโทนเนอร์อย่างไร? มาดูวิธีใช้พร้อมเคล็ดลับเลือกให้เหมาะกับผิวกัน!
เอสเซนส์คือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเนื้อบางเบา ช่วยเตรียมผิวให้พร้อมรับการบำรุงขั้นต่อไป แตกต่างจากน้ำตบและโทนเนอร์อย่างไร? มาดูวิธีใช้พร้อมเคล็ดลับเลือกให้เหมาะกับผิวกัน!
Key Takeaway
เอสเซนส์คือตัวช่วยฟื้นบำรุงและเตรียมผิวให้พร้อมในขั้นตอนต่อไปของการลงสกินแคร์ เป็นเหมือนตัวเชื่อมสำคัญระหว่างการทำความสะอาดและการลงสกินแคร์เข้มข้นที่หลายคนอาจยังไม่ค่อยคุ้นเคย
หลายคนอาจสงสัยว่าเอสเซนส์คืออะไร ต่างจากน้ำตบหรือโทนเนอร์อย่างไร แล้วน้ำตบคืออะไร ใช้โทนเนอร์ตอนไหน จำเป็นแค่ไหนต่อการดูแลผิว? บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับเอสเซนส์แบบครบถ้วน ตั้งแต่ประโยชน์ที่มีต่อผิว ไปจนถึงเคล็ดลับการเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวของคุณ เพื่อผิวใสสุขภาพดีจากภายใน
เอสเซนส์ (Essence) คือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีเนื้อสัมผัสบางเบา ซึมเร็ว ใช้หลังโทนเนอร์และก่อนเซรั่ม โดยมีหน้าที่หลักในการเติมความชุ่มชื้น ฟื้นบำรุงผิว และเตรียมผิวให้พร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพ
มักประกอบด้วยส่วนผสมบำรุงเข้มข้น เช่น ไฮยาลูรอนิค แอซิด ที่ช่วยเติมน้ำให้ผิวอิ่มน้ำ ไนอะซินาไมด์ ช่วยปรับสีผิวให้กระจ่างใสสม่ำเสมอ เมือกหอยทากและสารหมักจากยีสต์ที่ช่วยฟื้นบำรุงผิวให้แข็งแรง รวมถึงสารสกัดใบบัวบกที่ช่วยปลอบประโลมผิวและลดการระคาย จึงถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามหากอยากมีผิวสุขภาพดีในทุกวัน
หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า “เอสเซนส์” และ “น้ำตบ” กันมาบ้าง บางคนอาจสงสัยว่า Essence คืออะไร? น้ำตบช่วยเรื่องอะไร? ทั้งสองอย่างนี้คือสิ่งเดียวกันหรือเปล่าหรือควรใช้แค่ตัวใดตัวหนึ่งก็พอ
ความจริงแล้วเอสเซนส์และน้ำตบถือเป็นไอเทมบำรุงผิวที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน คือช่วยเตรียมผิวให้พร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนต่อไป และมักมาในรูปแบบน้ำใสหรือเนื้อเบา ทำให้หลายคนเข้าใจว่าเหมือนกัน แต่ถ้าลองสังเกตดีๆ จะเห็นว่าเอสเซนส์มีความเข้มข้นของสารบำรุงมากกว่า เหมาะสำหรับฟื้นบำรุงผิวล้ำลึก เช่น ผิวหมองคล้ำ แห้งกร้าน หรือขาดความยืดหยุ่น ส่วนน้ำตบมักถูกออกแบบมาให้เน้นเติมความชุ่มชื้นอย่างรวดเร็วและช่วยให้ผิวรู้สึกสดชื่นขึ้นทันทีหลังล้างหน้า
จุดต่างอีกอย่างที่หลายคนอาจไม่ทันสังเกตคือน้ำตบมักมีเนื้อสัมผัสที่ใสและเหลวเหมือนน้ำมากกว่า ให้ความรู้สึกเบาสบาย เหมาะกับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นใช้สกินแคร์หรือมีผิวมัน ส่วนเอสเซนส์จะมีความรู้สึกนุ่มลื่นขึ้นเล็กน้อยเมื่อลูบลงบนผิว เพราะมีความเข้มข้นของสารบำรุงมากกว่าเล็กน้อย
แนะนำโลชั่นน้ำตบคุมมัน Sébium Lotion เหมาะสำหรับผิวผสมหรือผิวมัน และมีแนวโน้มเป็นสิว ซึ่งช่วยควบคุมการผลิตไขมันและค่า pH ของผิวน้ำมันและน้ำเพื่อผิวดูกระจ่างใส ให้ผิวชุ่มชื้นยาวนาน รูขุมขนแลดูเล็กลง อ่อนโยนต่อผิวแพ้ง่าย อีกทั้งยังผ่านการทดสอบภายใต้การดูแลของแพทย์ผิวหนังและทดสอบกับผิวของชาวเอเชียแล้ว
แม้จะมีความต่าง แต่ทั้งน้ำตบและเอสเซนส์ต่างก็ทำงานร่วมกันได้ดีมากในรูทีนดูแลผิว หากเลือกใช้ให้เหมาะกับสภาพผิวและความต้องการในแต่ละช่วง ก็สามารถช่วยเสริมกันอย่างลงตัว เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดของผิว
สำหรับใครที่เพิ่งเริ่มต้นดูแลผิวหรือแม้แต่คนที่ใช้งานสกินแคร์มาได้สักพัก อาจยังแอบสับสนว่าเอสเซนส์กับโทนเนอร์ต่างกันอย่างไร และควรใช้อะไรก่อนกัน? เพราะทั้งสองอย่างดูคล้ายกันตรงที่เป็นขั้นตอนแรกๆ หลังล้างหน้า มีเนื้อสัมผัสบางเบา และมักถูกใช้เพื่อเตรียมผิว แต่จริงๆ แล้วบทบาทของแต่ละตัวนั้นต่างกันอยู่ไม่น้อย
เอสเซนส์จะเน้นไปที่การเติมสารบำรุงให้ผิวอย่างล้ำลึกมากขึ้น มีสารสกัดเข้มข้นที่ช่วยฟื้นบำรุงผิว เช่น เพิ่มความชุ่มชื้น ลดเลือนจุดด่างดำ หรือเสริมความแข็งแรงให้ผิว โดยเอสเซนส์จะเป็นตัวกลางเชื่อมระหว่างโทนเนอร์กับเซรั่ม ให้สารบำรุงต่างๆ ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น
ในขณะที่โทนเนอร์คือผลิตภัณฑ์ที่มักใช้ทันทีหลังล้างหน้า มีหน้าที่ช่วยปรับสมดุลค่า pH ของผิว เช็ดสิ่งตกค้างที่หลงเหลือจากคลีนเซอร์ ในบางสูตรยังช่วยควบคุมความมัน กระชับรูขุมขน หรือปลอบประโลมผิวอีกด้วย โดยโทนเนอร์จะช่วยให้ผิวสะอาดเพื่อพร้อมสำหรับลงสกินแคร์ในขั้นถัดไป แนะนำ Hydrabio Tonique โลชั่นโทนเนอร์ ที่เหมาะสำหรับผู้ที่มี เนื้อเหลว บางเบา มอบความชุ่มชื้นให้ผิวแห้งขาดน้ำ ช่วยให้ผิวรู้สึกสดชื่น ผิวแลดูกระจ่างใสและคืนความชุ่มชื้น และอ่อนโยนต่อผิวหนังและรอบดวงตา
สำหรับผู้ที่ผิวแพ้ ระคายง่าย แนะนำ Sensibio Tonique โทนเนอร์ปลอบประโลมผิว ที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย เนื้อบางเบา ให้ความชุ่มชื้น อ่อนโยนต่อผิวและรอบดวงตา และปราศจากน้ำหอม ตัวช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลผิวไปอีกขั้น
เอสเซนส์และน้ำตบอาจดูคล้ายกัน แต่ต่างกันในรายละเอียดเล็กๆ ที่ส่งผลต่อผลลัพธ์บนผิวของเรา หากเข้าใจและเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสภาพผิวก็จะช่วยเสริมให้การดูแลผิวของคุณมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
เอสเซนส์คือขั้นตอนสำคัญที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นและฟื้นบำรุงผิวอย่างล้ำลึก ทำให้ผิวเนียนนุ่มและดูสุขภาพดีอย่างเห็นได้ชัด ประโยชน์ของเอสเซนส์บำรุงหน้าตัวช่วยผิวเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น ดูสุขภาพดี มีดังนี้
เอสเซนส์เป็นตัวช่วยสำคัญในการบำรุงผิวให้เนียนนุ่ม ชุ่มชื้น และดูสุขภาพดีอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังช่วยฟื้นบำรุงผิวให้แข็งแรงและพร้อมรับการดูแลในขั้นตอนถัดไป ทำให้ผิวของคุณสวยสดใสอย่างเป็นธรรมชาติทุกวัน
การใช้เอสเซนส์บำรุงหน้าอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ผิวได้รับการบำรุงอย่างเต็มที่ ดังนั้นขั้นตอนการลงสกินแคร์ที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อให้ผิวเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น และดูสุขภาพดีอย่างแท้จริง
ขั้นตอนการใช้เอสเซนส์ที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ มีดังนี้
1. ล้างหน้าให้สะอาดก่อนเสมอ เพื่อเคลียร์สิ่งสกปรกและเปิดผิวให้พร้อมรับการบำรุง
2.ใช้โทนเนอร์ก่อนลงเอสเซนส์ เพื่อปรับสมดุลผิวและเตรียมผิวให้พร้อมซึมซับสารบำรุง
3. หยดเอสเซนส์ในปริมาณพอดี ไม่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป เพื่อให้ผิวได้รับสารบำรุงอย่างทั่วถึง
4. ใช้ปลายนิ้วนวดเบาๆ ให้เอสเซนส์ซึมเข้าสู่ผิว ด้วยการตบเบาๆ หรือกดซึม จะช่วยกระตุ้นการดูดซึมดีขึ้น
5. ลงเอสเซนส์ในลำดับที่ถูกต้องตามขั้นตอนการลงสกินแคร์ โดยปกติจะใช้หลังโทนเนอร์และก่อนเซรั่มหรือครีม
6. ใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่องเช้า-เย็น เพื่อให้ผิวได้รับการบำรุงอย่างสม่ำเสม
7. เก็บรักษาเอสเซนส์ในที่เย็นและหลีกเลี่ยงแสงแดด เพื่อคงคุณภาพและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์
การปฏิบัติตามขั้นตอนการใช้เอสเซนส์อย่างถูกต้องจะช่วยให้ผิวได้รับสารบำรุงอย่างเต็มที่ ทำให้ผิวเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น และดูสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง
การเลือกเอสเซนส์ให้เหมาะกับสภาพผิวถือเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยให้การบำรุงผิวได้ผลลัพธ์ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้ง ผิวมัน ผิวผสม หรือผิวแพ้ง่าย ไปดูกันว่าเลือกเอสเซนส์อย่างไรให้ตรงกับสภาพผิวมากที่สุด
ผิวแห้งมักขาดน้ำและน้ำมันธรรมชาติ จึงต้องการเอสเซนส์ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นและล็อกน้ำในผิวให้ยาวนาน ควรเลือกเนื้อสัมผัสเข้มข้นแต่ไม่เหนียวเหนอะหนะ พร้อมส่วนผสมที่ช่วยกักเก็บน้ำ เช่น ไฮยาลูโรนิกแอซิด และมอยส์เจอร์ไรเซอร์อย่างกลีเซอรีนหรือเซราไมด์ ที่ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว นอกจากนี้สารบำรุงปลอบประโลม เช่น อโลเวร่า วิตามินอี หรือน้ำมันธรรมชาติอย่างโจโจบาออยล์ ก็สำคัญในการฟื้นบำรุงผิวให้กลับมานุ่มนวลและสุขภาพดีอย่างยาวนาน
ผิวมันมักมีปัญหาความมันส่วนเกินและรูขุมขนกว้าง การเลือกเอสเซนส์สำหรับผิวมันจึงควรมุ่งเน้นที่การควบคุมความมันและช่วยปรับสมดุลผิว โดยควรเลือกเนื้อบางเบา ซึมซาบเร็ว ไม่หนักหน้า และมีส่วนผสมที่ช่วยลดความมัน เช่น สารสกัดจากชาเขียว หรือสารต้านการอักเสบอย่างสารสกัดจากใบบัวบก รวมถึงสารให้ความชุ่มชื้นที่ไม่อุดตันรูขุมขน เช่น กรดไฮยาลูโรนิกและไนอะซินาไมด์ ซึ่งช่วยควบคุมความมัน ลดการเกิดสิว และทำให้ผิวดูสดชื่นไม่มันเยิ้มตลอดวัน
ผิวผสมมีลักษณะผิวที่แห้งในบางจุดและมันในบางส่วน การเลือกเอสเซนส์สำหรับผิวประเภทนี้จึงควรเน้นที่ความสมดุลของความชุ่มชื้นโดยไม่เพิ่มความมัน ควรเลือกเนื้อเอสเซนส์ที่บางเบา ซึมไว และมีส่วนผสมที่ช่วยควบคุมความมันอย่างไนอะซินาไมด์ พร้อมกับสารให้ความชุ่มชื้น เช่น ไฮยาลูโรนิกแอซิด ที่ช่วยเติมน้ำให้ผิวโดยไม่ทำให้เหนอะหนะ เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นทั่วทั้งหน้าโดยไม่เกิดความมันส่วนเกินหรือความแห้งกร้านบริเวณต่างๆ
ผิวแพ้ง่ายต้องการเอสเซนส์ที่อ่อนโยน ปราศจากสารระคาย เช่น แอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือสารกันเสียบางชนิด ควรเลือกสูตรที่เน้นปลอบประโลมและเสริมเกราะป้องกันผิว มีส่วนผสมอย่างอโลเวร่า คาโมมายล์ หรือเซราไมด์ ซึ่งช่วยลดการระคายและฟื้นบำรุงผิวให้แข็งแรง พร้อมเติมความชุ่มชื้นโดยไม่ก่อให้เกิดการอุดตันหรือแพ้ เพื่อให้ผิวสงบและสุขภาพดีอย่างปลอดภัย
เอสเซนส์เป็นขั้นตอนสำคัญในการบำรุงผิว ช่วยเติมความชุ่มชื้นและฟื้นบำรุงผิวให้เนียนนุ่ม แตกต่างจากน้ำตบที่เน้นปรับสมดุลผิว และโทนเนอร์ที่ใช้ทำความสะอาดหรือกระชับรูขุมขน การใช้เอสเซนส์อย่างถูกวิธีในขั้นตอนการลงสกินแคร์ช่วยให้ผิวได้รับสารบำรุงล้ำลึก การเลือกเอสเซนส์ควรสอดคล้องกับสภาพผิว เช่น ผิวแห้งเน้นเติมน้ำและล็อกความชุ่มชื้น ผิวมันเน้นควบคุมความมันและลดการอักเสบ ผิวผสมเน้นบาลานซ์ระหว่างความชุ่มชื้นกับการควบคุมความมัน ส่วนผิวแพ้ง่ายควรเลือกสูตรอ่อนโยนปลอบประโลมผิว เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและผิวสุขภาพดีอย่างยาวนาน