Key Takeaway

  • ปัจจัยที่ทำร้ายผิวหน้า ได้แก่ แสงแดด มลภาวะ ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ และการรับประทานอาหารไม่เหมาะสม ซึ่งล้วนเร่งการเสื่อมของผิว
  • การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า เช่น คลีนเซอร์ มอยส์เจอร์ไรเซอร์ เซรั่ม กันแดด และทรีตเมนต์เฉพาะจุด เพื่อบำรุงและปกป้องผิว
  • การปรับพฤติกรรมเพื่อดูแลผิวหน้า ควรบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ นอนหลับให้เพียงพอ ดื่มน้ำมากๆ และเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ 

 

ผิวหน้าของเราเผชิญกับทั้งมลภาวะ ฝุ่น ควัน แสงแดด รวมถึงพฤติกรรมประจำวันต่างๆ ที่อาจทำร้ายผิวโดยไม่รู้ตัว หากไม่ใส่ใจดูแลผิวอาจสูญเสียความชุ่มชื้น หมองคล้ำ และเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ การดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอจึงสำคัญ ทั้งการบำรุงผิว ปกป้องจากแสงแดด ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต และทำกิจกรรมที่ช่วยให้ผิวแข็งแรง มาดูกันว่ามีวิธีง่ายๆ อะไรบ้างที่สามารถทำได้ทุกวันเพื่อให้ผิวดูสุขภาพดีและอ่อนเยาว์

 

ปัจจัยทำร้ายผิวหน้าที่ควรเลี่ยง

ก่อนดูแลผิวหน้า เราควรทำความรู้จักปัจจัยที่ทำร้ายผิวกันก่อน ซึ่งมีทั้งภายในร่างกายและจากสิ่งแวดล้อมภายนอก ทำให้ผิวหมองคล้ำ เสื่อมสภาพ และเกิดริ้วรอยได้ง่าย ได้แก่

 

ปัจจัยภายนอกที่ทำร้ายผิวหน้า

  • การทำความสะอาดผิว ล้างหน้าบ่อยเกินไปหรือใช้สารทำความสะอาดรุนแรง ทำให้ผิวแห้งและเสื่อมสภาพ
  • แสงสีฟ้า จากหน้าจอมือถือและคอมพิวเตอร์ อาจทำให้ผิวหมองคล้ำและเกิดริ้วรอยเร็วขึ้น
  • อุณหภูมิและอากาศ ความร้อน ความเย็น หรืออากาศแห้ง ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นและเสียสมดุล โดยเฉพาะในฤดูหนาว ควรดูแลผิวหน้าหนาวด้วยการทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะสมและดื่มน้ำให้เพียงพอ
  • สารเคมี เครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์ที่มีสารระคายอาจทำลายเกราะป้องกันผิว
  • มลภาวะและฝุ่นPM 2.5 ทำให้ผิวอักเสบ หมองคล้ำ และเร่งการเกิดริ้วรอย
  • แสงแดด รังสี UV ทำลายคอลลาเจนและอิลาสติน (Elastin) ทำให้ผิวหย่อนคล้อยและเกิดริ้วรอย
  • การสูบบุหรี่ ลดออกซิเจนและสารอาหารสู่ผิว ทำให้ผิวหมองคล้ำและเกิดริ้วรอยเร็วกว่าปกติ

 

ปัจจัยภายในที่ทำร้ายผิวหน้า

  • พันธุกรรม เป็นส่วนที่กำหนดโครงสร้างผิวและแนวโน้มการเกิดริ้วรอยตั้งแต่เกิด
  • ฮอร์โมน การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนส่งผลต่อความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้นของผิว
  • ความเครียด ทำให้ผิวอักเสบ เสื่อมสภาพ และเกิดริ้วรอยเร็วขึ้น

การนอนหลับและการรับประทานอาหาร การพักผ่อนและโภชนาการไม่เพียงพอ ทำให้ผิวฟื้นบำรุงช้าและริ้วรอยปรากฏชัดขึ้น

วิธีดูแลผิวหน้าให้สะอาดใส เรียบเนียน ลดปัญหาผิว

วิธีดูแลผิวหน้าด้วยตัวเองง่ายๆ ที่ทำได้ทุกวัน เพื่อให้ผิวสะอาด ใส เรียบเนียน และลดปัญหาผิว มีดังนี้

 

1. เริ่มต้นด้วยการทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาด 

การทำความสะอาดผิวเป็นขั้นตอนสำคัญ โดยเฉพาะคนที่ชอบแต่งหน้า ควรเช็ดเครื่องสำอางให้หมดจดแล้วล้างหน้าตามขั้นตอนปกติ เช้า-เย็น เลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับสภาพผิว ควรเป็นสูตรอ่อนโยนและเพิ่มความชุ่มชื้น เช่น Bioderma Sensibio Gel Moussant ที่มีสิทธิบัตร Dermatological Advanced Formulation: D.A.F. ช่วยเสริมความทนทานให้ผิวแพ้ง่าย 

อีกทั้งยังอุดมด้วย Coco Glucoside / Glycerol Oleate ฟื้นบำรุงไขมันชั้นผิว เพิ่มความชุ่มชื้น และมีสารทำความสะอาดแบบกรดอะมิโนที่เลียนแบบโครงสร้างผิวตามธรรมชาติ (Biomimetic) ช่วยล้างหน้าอย่างอ่อนโยน ไม่ทำลายเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวสะอาด ชุ่มชื้น และบอบบางน้อยลง

 

2. เติมความชุ่มชื้นด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์

การเติมความชุ่มชื้นด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์เป็นขั้นตอนสำคัญในการบำรุงผิว โดยเฉพาะผิวแพ้ง่าย Bioderma Sensibio Defensive ออกแบบมาเพื่อช่วยดูแลผิวเป็นประจำทุกวัน ปกป้องผิวจากสิ่งกระตุ้นด้วย Carnosine และวิตามินอี ที่เป็นสารแอนติออกซิแดนท์ เสริมปราการผิวแข็งแรงด้วย Tetrapeptide ฟื้นบำรุงชั้นผิวและสร้างเกราะป้องกัน พร้อมปลอบประโลมผิวระคายด้วย Red sage polyphenols ทำให้ผิวชุ่มชื้น แข็งแรง และลดความไวต่อการระคายผิว

 

3. ห้ามละเลยกันแดด

หนึ่งในปัจจัยทำร้ายผิวอันดับต้นๆ คือแสงแดดและรังสี UV ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผิวหมองคล้ำและไม่กระจ่างใส คนที่อยากมีผิวสวยควรหลีกเลี่ยงการออกแดดและอยู่ในที่ร่มให้มากที่สุด 

หากจำเป็นต้องเจอแสงแดด ควรกางร่ม สวมหมวก และทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ เช่น Bioderma Photoderm XDefense Ultre-Fluid (Invisible) ครีมกันแดดสำหรับผิวแพ้ง่ายและเป็นสิวง่าย ปกป้องผิวจากแสงแดด มลภาวะ แสงยูวี วิซิเบิลไลท์ และคลื่นความร้อน เนื้อสัมผัส Ultra Fluid บางเบา ไม่เหนียว ไม่เป็นคราบขาว ให้ผิวแมตต์และกระชับ

 

4. บำรุงผิวในตอนกลางคืน

การบำรุงผิวในตอนกลางคืนเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ผิวฟื้นบำรุงและซ่อมแซมตัวเองได้ดีที่สุด หลังทำความสะอาดผิว ควรทาเซรั่มเพื่อเติมความชุ่มชื้นและบำรุงผิวอย่างล้ำลึก 

เช่น Bioderma Sensibio Defensive Serum เซรั่มที่ผสานคาร์โนซีนและวิตามินอีเป็นแอนตี้ออกซิแดนท์ พร้อม tetrapeptide-10 ช่วยฟื้นบำรุงผิวชั้นนอก ส่วนโพลีฟีนอลจากเรดเซจ ลดปฏิกิริยาผิวที่มากเกินไปและปกป้องจากมลภาวะ ขณะที่ฟูโคสโพลิเมอร์ เสริมเกราะป้องกันผิวจากการถูกทำร้าย จัดการต้นเหตุของริ้วรอยก่อนวัย ทำให้ผิวปลอบประโลมทันทีและยาวนาน ริ้วรอยดูตื้นขึ้น คืนความกระจ่างใส พร้อมให้ความชุ่มชื้นต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง

 

5. สครับผิวอย่างสม่ำเสมอ

การสครับผิวช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ทำให้ผิวหมองคล้ำลดลงและลดการอุดตันของรูขุมขน หลังสครับผิวจะเรียบเนียนและพร้อมรับการบำรุงจากสกินแคร์ได้เต็มประสิทธิภาพ ควรทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 1 - 2 ครั้ง เพื่อผิวดูสว่าง กระจ่างใสและสุขภาพดีขึ้น

 

6. พักผ่อนให้เพียงพอ

การพักผ่อนไม่เพียงพอส่งผลเสียต่อผิว โดยการนอนหลับอย่างเต็มที่วันละ 8 ชั่วโมง ช่วยให้เซลล์ซ่อมแซมตัวเองและฟื้นบำรุงส่วนที่สึกหรอ การนอนหลับจึงเป็นพื้นฐานสำคัญของวิธีดูแลผิวหน้าไม่ให้แก่ ทำให้ผิวสดชื่น แข็งแรง และพร้อมรับการบำรุงในวันต่อไป

 

7. ดื่มน้ำวันละ 8 - 10 แก้ว

การดื่มน้ำวันละประมาณ 8 - 10 แก้ว ช่วยให้ผิวพรรณสุขภาพดีขึ้นจริงๆ การดูแลผิวหน้าจึงต้องดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ผิวไม่แห้งกร้าน และยังช่วยลดปัญหาสิวหรือผิวมัน ทำให้ผิวดูสุขภาพดีทั้งภายในและภายนอก

 

8. จัดการความเครียด

ความเครียดทำให้ผิวหน้าดูหมองคล้ำ เพราะร่างกายหลั่งฮอร์โมนบางชนิดมากเกินไป ส่งผลให้สมดุลร่างกายและผิวเสียไป ผิวจึงไม่สดใสและอ่อนเยาว์ตามไปด้วย นอกจากนี้ ความเครียดยังทำให้ผิวระคายง่าย แห้งกร้าน และเกิดปัญหาผิวต่างๆ ได้ง่ายขึ้นอีกด้วย การคลายเครียด เช่น ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ ทำกิจกรรมที่ชอบ หรือฝึกหายใจลึกๆ ช่วยให้ผิวและร่างกายกลับมาสดชื่นได้

 

9. เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิว

การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เป็นหนึ่งในเคล็ดลับดูแลผิวหน้าที่สำคัญ เพราะส่งผลต่อร่างกายและผิวพรรณ ควรใส่ใจทั้งคุณค่าและสัดส่วนอาหารให้เหมาะสม นอกจากรับประทานครบ 5 หมู่แล้ว ควรเลือกอาหารที่ดีต่อผิว เช่น ข้าวกล้อง ผักและผลไม้ที่ไม่หวานจัด เนื้อสัตว์ และธัญพืช เพื่อให้ผิวสุขภาพดี สดใส และแข็งแรงจากภายใน

 

สรุป

การดูแลผิวหน้าให้สะอาด เรียบเนียน และสุขภาพดีไม่ซับซ้อน แค่มีวินัยทำเป็นประจำ พร้อมใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอย่างต่อเนื่อง การดูแลผิวจึงสำคัญ เพราะช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะ แสงแดด และความเครียด ทำให้ผิวแข็งแรง ลดริ้วรอย หมองคล้ำ และความแห้งกร้าน ผิวของคุณจึงค่อยๆ เปล่งปลั่ง สุขภาพดี และดูอ่อนเยาว์ นอกจากนี้ การดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอยังช่วยสร้างเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวรับมือกับสิ่งกระตุ้นต่างๆ ได้ดีขึ้น และทำให้ผลลัพธ์ของการบำรุงยาวนาน ผิวดูสดชื่นทุกวัน

 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการดูแลผิวหน้า (FAQ)

นี่คือคำถามที่หลายคนมักสงสัย พร้อมคำตอบง่ายๆ เพื่อช่วยให้คุณดูแลผิวหน้าได้ดีขึ้นและเข้าใจผิวตัวเองมากขึ้น

 

ผู้ชายควรดูแลผิวหน้าอย่างไรบ้าง?

ผู้ชายก็ควรดูแลผิวหน้าไม่ต่างจากผู้หญิง โดยเริ่มจากการทำความสะอาดผิวหน้าเป็นประจำ เช้า-เย็น เพื่อขจัดสิ่งสกปรก ความมัน และเซลล์ผิวที่ตายแล้ว หลังล้างหน้าควรบำรุงด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์เพื่อให้ผิวชุ่มชื้น และอย่าลืมทาครีมกันแดดทุกวันเพื่อลดการทำลายผิวจากแสงแดด นอกจากนี้ การพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำให้มาก และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ก็ช่วยให้ผิวแข็งแรง สุขภาพดี และลดปัญหาผิวได้

 

ดูแลผิวหน้าอย่างไรให้ขาวใส?

การมีผิวหน้าสุขภาพดีเริ่มจากการทำความสะอาดผิวหน้าอย่างสม่ำเสมอ ทั้งเช้าและเย็น เพื่อลดความหมองคล้ำและสิ่งสกปรกบนผิว ตามด้วยการบำรุงด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์หรือเซรั่มที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและสว่างขึ้น อย่าลืมทาครีมกันแดดทุกวันเพื่อลดความหมองคล้ำจากรังสี UV ควบคู่กับการดื่มน้ำให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีวิตามินและ Antioxidant เช่น ผัก ผลไม้ และธัญพืช ซึ่งเป็นวิธีดูแลผิวหน้าให้เนียนใส ดูสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก

 

ใช้สกินแคร์ดูแลผิวหน้าหลายตัวพร้อมกันได้ไหม?

สามารถทำได้ แต่ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับสภาพผิว และจัดลำดับการใช้ให้ถูกต้อง โดยเริ่มจากทำความสะอาดหน้า ใช้โทนเนอร์หรือเอสเซนส์ ต่อด้วยเซรั่ม เติมความชุ่มชื้นด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์ ช่วงเช้าทาครีมกันแดด การใช้สกินแคร์หลายตัวช่วยบำรุงหลายด้าน แต่ควรหลีกเลี่ยงส่วนผสมซ้ำหรือรุนแรงเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวระคายได้