Key Takeaway

  • การเช็ดเครื่องสำอางให้เหมาะกับสภาพผิวช่วยปกป้องผิวจากปัญหาต่างๆ ได้ เช่น สิว หรือผิวแห้งลอก โดยแต่ละสภาพผิวมีความต้องการและจุดอ่อนที่แตกต่างกัน การเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมและทำถูกขั้นตอนจึงเป็นวิธีช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวได้
  • สำหรับผิวผสมและผิวมัน เป็นสิวง่าย ควรเช็ดเครื่องสำอางอย่างอ่อนโยนเพื่อไม่ให้กระตุ้นการเกิดสิว ส่วนผิวแห้งขาดน้ำควรใช้ผลิตภัณฑ์เติมความชุ่มชื้น และหลีกเลี่ยงการถูแรงเพื่อป้องกันผิวแห้งลอกหรือระคายเคืองง่าย
  • การเช็ดเครื่องสำอางสำหรับผิวแพ้ง่ายควรใช้คลีนซิ่งสูตรอ่อนโยน ปราศจากน้ำหอมและแอลกอฮอล์ พร้อมใช้สำลีเช็ดเบาๆ อย่างนุ่มนวล เพื่อหลีกเลี่ยงการระคายหรืออักเสบของผิว
  • เคล็ดลับเช็ดเครื่องสำอางให้ถูกวิธีคือใช้สำลีหนานุ่ม เช็ดเบาๆ ไม่ถูแรง เช็ดรอบดวงตาและริมฝีปากแยกต่างหาก และทำ Double Cleansing หากแต่งหน้าหนัก พร้อมเช็ดให้ทั่วถึงทุกจุดและบำรุงผิวทันทีหลังเช็ด

 

การเช็ดเครื่องสำอาง อาจดูเป็นเรื่องเล็กที่หลายคนมองข้าม แต่จริงๆ แล้วนี่คือขั้นตอนสำคัญที่ส่งผลต่อผิวหน้าในระยะยาวโดยตรง โดยเฉพาะสำหรับคนที่มีปัญหาสิว ผิวแพ้ง่าย ผิวแห้ง หรือผิวมัน หากเลือกวิธีเช็ดไม่เหมาะสมกับสภาพผิว อาจยิ่งกระตุ้นให้ผิวอ่อนแอ ระคายผิว หรือเกิดสิวอุดตันได้ บทความนี้จะพาไปรู้จักวิธีเช็ดเครื่องสำอางที่ถูกต้องตามสภาพผิวแต่ละประเภท เพื่อให้ผิวสะอาดใส ไกลสิว และแข็งแรงขึ้นอย่างยั่งยืน


 

ทำไมต้องเช็ดเครื่องสำอางให้เหมาะกับสภาพผิว?

การเช็ดเครื่องสำอางให้เหมาะกับสภาพผิวเป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหากใช้ผลิตภัณฑ์ไม่เหมาะสม อาจกระทบต่อสมดุลผิวและก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ได้ การเช็ดอย่างถูกวิธีจะช่วยรักษาความสมดุลผิว ไม่ให้แห้งตึงหรือมันเกินไป

ผิวมันมีแนวโน้มผลิตน้ำมันส่วนเกิน หากเช็ดแรงหรือใช้ผลิตภัณฑ์รุนแรง อาจยิ่งกระตุ้นให้ผิวมันและเกิดสิวอุดตัน ส่วนผิวแห้งที่ขาดความชุ่มชื้น หากเช็ดไม่เหมาะสมจะทำให้ผิวแห้ง ลอก และระคายง่าย ผิวผสมที่มันบริเวณทีโซนและแห้งที่แก้ม ต้องการการดูแลที่สมดุล ไม่เช่นนั้นบางจุดอาจมันเกินไป ในขณะที่อีกจุดแห้งลอก ส่วนผิวแพ้ง่ายที่ไวต่อสารเคมีหรือแรงสัมผัส หากใช้ผลิตภัณฑ์ไม่อ่อนโยน ก็อาจทำให้เกิดอาการแสบ แดง หรือเป็นผื่นได้ง่าย

 

อีกทั้งยังช่วยให้ขั้นตอนบำรุงผิวในลำดับถัดไปมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะเมื่อผิวสะอาดและปราศจากสิ่งตกค้างจากเครื่องสำอางหรือสิ่งสกปรก ก็สามารถดูดซึมสารบำรุงต่างๆ ได้ดีกว่า การใส่ใจเลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับผิวจึงไม่ใช่แค่เรื่องความสะอาด ยังช่วยเพิ่ม Skin Barrier ให้แข็งแรง ไม่ถูกทำลายจากการทำความสะอาดที่ไม่เหมาะสมอีกด้วย

 

วิธีเช็ดเครื่องสำอางสำหรับผิวแต่ละประเภท

เพื่อให้การทำความสะอาดผิวหน้าได้ผลดีและไม่ทำร้ายผิว การเลือกวิธีเช็ดเครื่องสำอางที่ถูกต้องให้เหมาะกับสภาพผิวจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยสามารถแบ่งวิธีดูแลได้ตามประเภทผิวดังนี้

 

ผิวผสม ผิวมันเป็นสิวง่าย

การเช็ดเครื่องสำอางสำหรับผิวผสม ผิวมันเป็นสิวง่าย ควรเน้นความสะอาดล้ำลึกโดยไม่ทำให้ผิวแห้งตึง หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์รุนแรงที่อาจกระตุ้นให้ผิวผลิตน้ำมันเพิ่ม ส่งผลให้รูขุมขนอุดตันและเกิดสิวได้ง่ายขึ้น ควรเลือกคลีนซิ่งที่ไม่มีน้ำมันอุดตัน (Non-comedogenic) และไม่มีแอลกอฮอล์ เพื่อรักษาสมดุลผิว พร้อมล้างซ้ำด้วยเจลล้างหน้าสูตรอ่อนโยนสำหรับผิวมันเป็นสิวโดยเฉพาะ

 

แนะนำคลีนซิ่งไมเซล่า วอเตอร์ Sebium H2O Micellar Cleansing Water ที่ออกแบบมาสำหรับผิวเป็นสิวง่าย ผิวผสม และผิวมันโดยเฉพาะ ช่วยขจัดความมันส่วนเกินและสิ่งสกปรกได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ทำร้ายผิว พร้อมช่วยรักษาสมดุลของผิวให้รู้สึกสดชื่น ไม่เหนอะหนะ ที่สำคัญหลังเช็ดหน้าอย่าลืมเติมความชุ่มชื้นด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์ ที่เหมาะกับผิวมัน เพื่อเสริมผิวให้แข็งแรง ลดโอกาสการเกิดสิว และคงความสมดุลของผิวในระยะยาว

 

ผิวแห้งขาดน้ำ

ผิวแห้งขาดน้ำมักบอบบางและไวต่อการระคาย ควรเช็ดเครื่องสำอางด้วยวิธีที่อ่อนโยนและเติมความชุ่มชื้นไปพร้อมกัน หลีกเลี่ยงการถูด้วยสำลีแรงๆ และหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์ เพราะอาจทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นและรู้สึกตึงหลังเช็ดหน้า ควรเลือกสูตรที่มีสารให้ความชุ่มชื้น เช่น ไฮยาลูรอน ช่วยลดโอกาสที่ผิวจะแห้งลอกหรือระคายหลังทำความสะอาดได้

 

สำหรับผิวแห้งขาดน้ำ ควรเลือกคลีนซิ่งที่ให้ความชุ่มชื้น แนะนำคลีนซิ่งไมเซล่า วอเตอร์ Sensibio H2O Micellar Cleansing Water ที่ช่วยเช็ดเครื่องสำอางและขจัดสิ่งสกปรกอย่างอ่อนโยน พร้อมเสริมกลไกการกักเก็บความชุ่มชื้นตามธรรมชาติของผิว ให้ผิวรู้สึกสดชื่น ไม่แห้งตึงหลังใช้ อีกทั้งยังปราศจากแอลกอฮอล์และน้ำหอม พร้อมกับเสริมขั้นตอนทำความสะอาดผิวหน้าของคุณให้กลายเป็นการบำรุงผิวไปในตัว

 

ผิวแพ้ง่าย

การเช็ดเครื่องสำอางผิวแพ้ง่ายควรเริ่มด้วยการเลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและปราศจากสารระคาย เพื่อไม่ให้ผิวเกิดการอักเสบหรือแพ้มากขึ้น เลือกใช้คลีนซิ่งไมเซล่าที่มีสูตรเฉพาะสำหรับผิวแพ้ง่ายจะช่วยลดโอกาสการระคายได้ เพราะผลิตภัณฑ์สูตรเฉพาะนี้มักปราศจากสารที่อาจกระตุ้นผิว เช่น แอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือพาราเบน พร้อมทั้งมีส่วนผสมที่ช่วยปลอบประโลมผิว โดยควรใช้สำลีเช็ดเบาๆ ด้วยความนุ่มนวล และไม่ควรถูแรง

 

แนะนำ Sensibio H2O Micellar Cleansing Water สำหรับผิวแพ้ระคายง่ายโดยเฉพาะ ช่วยเช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอาง มลภาวะ ละอองเกสรได้อย่างล้ำลึกแต่ยังคงความอ่อนโยน ลดความเสี่ยงในการแพ้ และยังช่วยให้ผิวรู้สึกสดชื่นไม่แห้งตึง ปลอบประโลมผิวและไม่ทำลายสมดุลของผิว

อีกทางเลือกสำหรับผิวแพ้ง่ายที่ต้องการความชุ่มชื้นมากขึ้นคือ Sensibio Micellar Cleansing Oil เนื้อออยล์บางเบาที่เมื่อนวดลงผิวจะกลายเป็นเนื้อน้ำนม ช่วยละลายเครื่องสำอางกันน้ำและขจัดสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่ได้อย่างอ่อนโยน ควบคู่กับเทคโนโลยีไมเซล่าที่ทำงานสองขั้นตอน พร้อมบำรุงและปลอบประโลมผิวในตัวเดียว

 

วิธีเช็ดเครื่องสำอางที่ถูกต้อง

การเช็ดเครื่องสำอางให้สะอาดหมดจดโดยไม่ทำร้ายผิวเป็นสิ่งสำคัญที่หลายคนมักมองข้าม เพราะหากทำไม่ถูกวิธีอาจทำให้ผิวอ่อนแอ แพ้ง่าย หรือเกิดปัญหาเกี่ยวกับสิวตามมาได้ มาดูวิธีเช็ดเครื่องสำอางที่ถูกต้องเป็นอย่างไร ควรใช้อะไรเช็ดเครื่องสำอางถึงจะเหมาะกับผิว และมีข้อควรรู้อะไรบ้างที่ไม่ควรมองข้าม

 

1. ใช้สำลีที่นุ่มและหนา

วิธีเช็ดเครื่องสำอางให้ถูกต้องควรเริ่มจากเลือกใช้สำลีที่นุ่มและหนา เพราะสำลีที่มีพื้นผิวอ่อนโยนจะช่วยลดการเสียดสีต่อผิวหน้า โดยเฉพาะบริเวณที่บอบบางอย่างรอบดวงตาและแก้ม สำลีที่มีความหนาจะช่วยดูดซับคลีนซิ่งได้ดี ทำให้เช็ดเครื่องสำอางออกได้อย่างหมดจดโดยไม่ต้องถูแรง ช่วยปกป้องผิวจากการระคายและลดโอกาสการเกิดริ้วรอยในระยะยาว

 

2. เช็ดเบาๆ ไม่ควรถูแรง

เช็ดเครื่องสำอางเบาๆ อย่างอ่อนโยน โดยไม่ถูหรือกดแรงลงบนผิวหน้า เพราะการเสียดสีที่รุนแรงอาจทำลายเกราะป้องกันผิวตามธรรมชาติ ทำให้ผิวระคาย แห้งลอก หรือเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ง่าย โดยเฉพาะบริเวณที่ผิวบางกว่าส่วนอื่น ควรใช้คลีนซิ่งที่มีประสิทธิภาพในการละลายเครื่องสำอาง แล้วค่อยๆ ซับหรือเช็ดออกเบาๆ ให้ทั่วใบหน้า เพื่อให้ผิวยังคงความชุ่มชื้นและแข็งแรงหลังการทำความสะอาดในทุกวัน

 

3. อย่าลืมเช็ดรอบดวงตาและริมฝีปากแยกต่างหาก

ควรให้ความสำคัญกับบริเวณรอบดวงตาและริมฝีปากเป็นพิเศษ โดยแยกขั้นตอนการเช็ดออกจากผิวหน้า เนื่องจากทั้งสองบริเวณนี้มีผิวที่บางและบอบบางกว่าจุดอื่น จึงต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและเหมาะสำหรับรอบดวงตาหรือปากโดยเฉพาะ รวมถึงการใช้สำลีแผ่นเล็กหรือคอตตอนบัดช่วยให้เช็ดได้อย่างแม่นยำและอ่อนโยน ช่วยลดการเสียดสีและการระคายได้ ทำให้ผิวบริเวณนั้นยังคงชุ่มชื้น ไม่แห้งแตกหรือเกิดริ้วรอยก่อนวัย

 

4. ใช้ Double Cleansing หากแต่งหน้าหนัก

หากแต่งหน้าหนักหรือใช้เครื่องสำอางกันน้ำมา วิธี Double Cleansing คือทางเลือกที่ช่วยให้ผิวสะอาดหมดจดโดยไม่ทำร้ายผิว ขั้นตอนแรกควรใช้คลีนซิ่งออยล์ หรือเพื่อขจัดเครื่องสำอางกันน้ำและสิ่งสกปรกบนผิว จากนั้นล้างหน้าซ้ำด้วยเจลล้างหน้าสูตรอ่อนโยนเพื่อทำความสะอาดผิวหน้าได้สะอาดหมดจด

 

แนะนำเจลล้างหน้า Sensibio Gel Moussant ที่เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย ช่วยปลอบประโลมผิวและคงสมดุลความชุ่มชื้นไว้ ทั้งยังไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน ปราศจากสบู่และน้ำหอม หากคุณมีผิวผสมถึงผิวมันสามารถเลือกใช้โฟมมิ่งเจล Sebium Gel Moussant ที่ช่วยควบคุมความมันส่วนเกินและทำความสะอาดล้ำลึกโดยไม่ทำให้ผิวแห้งตึง อ่อนโยนต่อผิวหนังและรอบดวงตา ช่วยลดการอุดตันและโอกาสเกิดสิว พร้อมเตรียมผิวให้ได้รับการบำรุงในขั้นตอนถัดไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

5. เช็ดให้หมดทุกจุด แม้บริเวณไรผม คาง กราม

ไม่ควรละเลยบริเวณเล็กๆ อย่างไรผม ข้างจมูก คาง และแนวกราม เพราะเป็นจุดที่เครื่องสำอางตกค้างได้ง่าย หากทำความสะอาดไม่ทั่วถึงอาจเกิดการอุดตันและสิวตามมาได้ ซึ่งการเช็ดควรใช้สำลีชุบคลีนซิ่งให้พอเหมาะ แล้วเช็ดเบาๆ ไปตามแนวผิว โดยเฉพาะบริเวณไรผมที่บ่อยครั้งถูกมองข้าม ทั้งที่มีทั้งรองพื้น แป้ง หรือสเปรย์ต่างๆ สะสมอยู่ การใส่ใจเช็ดให้ทั่วถึงทุกจุดจึงเป็นขั้นตอนสำคัญในการดูแลผิวหน้าให้สะอาดหมดจดและช่วยดูแลผิวที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว

 

6. หลังเช็ดเสร็จควรบำรุงผิวทันที

หลังจากเช็ดเครื่องสำอางจนหมดจดแล้ว ผิวจะอยู่ในสภาพที่สะอาดและเปิดรับการบำรุงได้ดีที่สุด จึงควรรีบลงผลิตภัณฑ์บำรุงผิวทันทีเพื่อเติมความชุ่มชื้นและฟื้นบำรุงผิวที่อาจสูญเสียความชุ่มชื้นระหว่างการทำความสะอาด โดยเฉพาะในผิวแห้งหรือผิวแพ้ง่าย การลงสกินแคร์ในช่วงเวลานี้จะช่วยให้สารบำรุงซึมซาบได้ดีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งควรทำตามขั้นตอนการลงสกินแคร์ที่ถูกต้อง ตั้งแต่โทนเนอร์ เซรั่ม จนถึงมอยส์เจอร์ไรเซอร์ เพื่อให้ผิวกลับมาชุ่มชื้น สมดุล และพร้อมรับมือกับมลภาวะในวันถัดไปอย่างแข็งแรง

 

สรุป

การเช็ดเครื่องสำอางให้เหมาะกับสภาพผิวเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้ผิวสะอาดล้ำลึก ลดโอกาสเกิดสิว และเสริมความแข็งแรงให้ผิวในระยะยาว ควรเลือกคลีนซิ่งให้เหมาะกับสภาพผิว เช่น ผิวแห้งใช้สูตรอ่อนโยนที่ช่วยเติมความชุ่มชื้น ส่วนผิวมันหรือเป็นสิวง่ายควรเลือกสูตรอ่อนโยนที่ไม่อุดตันรูขุมขนและเช็ดอย่างเบามือ หากแต่งหน้าหนักแนะนำให้ทำ Double Cleansing และอย่าลืมดูแลผิวหลังทำความสะอาด เพื่อผิวหน้าสะอาด แข็งแรง และดูสุขภาพดีในทุกวัน

 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับวิธีเช็ดเครื่องสำอาง (FAQ)

หลายคนยังมีคำถามคาใจเกี่ยวกับวิธีเช็ดเครื่องสำอางให้เหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง มาดูคำถามที่พบบ่อยและคำตอบที่คุณควรรู้กันดีกว่า!

 

ต้องเช็ดเครื่องสำอางทุกวันไหมหากแต่งหน้าน้อย?

ควรเช็ดทุกวัน แม้แต่งหน้าเพียงเล็กน้อยหรือแค่ทากันแดด เพราะกันแดดและฝุ่นละอองสะสมในรูขุมขน หากล้างไม่หมดอาจก่อให้เกิดสิวอุดตัน เลือกคลีนซิ่งสูตรอ่อนโยน ใช้ได้ทุกวัน เช็ดเบาๆ ให้ทั่วหน้า และล้างหน้าต่อให้สะอาด แม้ใช้แค่คุชชั่นหรือแป้งฝุ่นก็ควรเช็ดออก เพื่อรักษาผิวให้สะอาดและแข็งแรงเสมอ

 

คลีนซิ่งไมเลล่าคืออะไร เหมาะกับผิวแบบไหน?

ไมเซล่า (Micellar) คือคลีนซิ่งสูตรน้ำที่มีโมเลกุลไมเซล ช่วยจับคราบเครื่องสำอางและสิ่งสกปรก เหมาะกับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวแพ้ง่ายหรือแต่งหน้าเบาๆ มีทั้งสูตรสำหรับผิวแห้ง ผิวมัน และผิวเป็นสิว เลือกสูตรที่ไม่มีน้ำหอมและแอลกอฮอล์จะปลอดภัยกว่า

 

เช็ดเครื่องสำอางไม่สะอาด มีผลเสียอย่างไร?

คราบเครื่องสำอางที่ตกค้างจะอุดตันรูขุมขน เสี่ยงต่อสิวอุดตัน สิวอักเสบ และผิวหมองคล้ำ ยังทำให้การบำรุงผิวหลังล้างหน้าไม่ได้ผลเต็มที่ อาจเกิดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย และเร่งให้ผิวแก่ก่อนวัยจากการอักเสบเรื้อรัง