ถึงแม้ “สเตียรอยด์” จะเป็นตัวยาที่ถูกนำมาใช้ในการรักษาโรคมากมาย และในปัจจุบันมีการนำสเตียรอยด์เข้ามาเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวแต่ละชนิดมากขึ้น เพื่อหวังให้ผิวขาวกระจ่างใสขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่หารู้ไม่สารสเตียรอยด์นั้นเป็นอันตรายกับผิว ก่อให้เกิดผิวมัน  รูขุมขนกว้าง หรือผิวแห้ง  ผิวบาง แพ้ง่าย เกิดรอยแผลได้ง่าย ผิวอักเสบ เป็นสิวอักเสบ  สิวอักเสบไม่มีหัว เห่อแดงขึ้นมา และเป็นความผิดปกติของผิวที่เรียกว่า “สิวสเตียรอยด์

การรักษาสิวสเตียรอยด์ นั่นมีการรักษาที่แตกต่างไปจากการรักษาสิวทั่วไป เพราะมีสาเหตุ และลักษณะแตกต่างจากสิวทั่ว ๆ ไป วันนี้ Bioderma จะมาแนะนำให้กับทุกคนรู้จักกับ “สิวสเตียรอยด์” กัน

 

สารบัญบทความ

สิวสเตียรอยด์คืออะไร

หลาย ๆ คนอาจจะเข้าใจผิดว่าสิวสเตียรอยด์ (Steroid acne)เป็นสิว แต่แท้จริงแล้วสิวติดสารสเตียรอยด์ไม่ใช่สิว เพราะสิวสเตียรอยด์ คือ โรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่เกิดผื่นคล้ายสิว (Acneiform eruption) แต่ส่วนมากทั่วไปก็เรียกอาการลักษณะนี้ว่า สิวสเตียรอยด์ หรือ สิวแพ้สารสเตียรอย

ด้วยลักษณะสิวสเตียรอยด์ สิวสเตียรอยนั้นเป็นตุ่มนูน มีน้ำ หรือหนองอยู่ภายใน สามารถขึ้นได้ทั้งทีละเม็ด ๆ หรือก็สามารถขึ้นทีละเยอะ ๆ ทีเดียวได้ แต่ตุ่มทุกอันจะมีลักษณะที่เหมือน ๆ กัน เกิดขึ้นบนผิวหนังเฉพาะบริเวณที่ได้สัมผัสกับสารสเตียรอยด์ โดยสิวแพ้สเตียรอยด์ สิวสเตียรอยด์ อาการนั้นเกิดจากการอักเสบภายในรูขุมขน และเมื่อรูขุมขนหลั่งของเสียออกมาผสมกับน้ำมันส่วนเกินบนใบหน้าทำให้เกิดสิวสเตียรอยด์ขึ้น แตกต่างจากสิวทั่วไป อย่างสิวอุดตัน ที่เริ่มต้นจากการอุดตันภายในรูขุมขน ไม่ใช่การอักเสบของรูขุมขน

สิวสเตียรอยด์ มีลักษณะและอาการอย่างไร

สิวเสตียรอยด์

ขอขอบคุณรูปภาพจาก https://dermnetnz.org/topics/steroid-acne
ของผู้เขียน Dr Amanda Oakley Vanessa Ngan และ Clare Morrison

 

ลักษณะสิวสเตียรอยด์ คือ ผิวบริเวณนั้น ๆ จะเกิดผื่นแดงขึ้น พร้อมทั้งอาจจะเกิดตุ่มหนอง ตุ่มน้ำ คล้ายกับตุ่มน้ำพุพองขึ้น อาจจะขึ้นทีละเม็ด หรือเห่อขึ้นพร้อมกันหลาย ๆ เม็ดก็ได้เช่นกัน แต่ไม่ว่าตุ่มนั้นจะขึ้นมาก่อน หรือหลัง มักจะมีลักษณะตุ่มนูนที่มีลักษณะเดียว ๆ กัน

สิวสเตียรอยด์อาการนั้นแตกต่างกันตามลักษณะของยาสเตียรอยด์ที่ใช้ โดยแบ่งเป็น 2 ลักษณะ ดังนี้

  • สิวแพ้สเตียรอยด์/สิวแพ้สเตียรอย จากการใช้ยาสเตียรอยด์แบบยาใช้ภายในนั้นมีอาการได้ 2 ลักษณะ
     
    • อาการคล้ายโรคสิว โดยผิวหนังจะมีตุ่มสิวหลากหลายประเภทเกิดขึ้น อาจจะเป็นสิวอุดตัน สิวหัวดำ  สิวเสี้ยน  สิวหัวขาว หรืออาจจะร้ายแรงกว่าตรงผิวหนังอาจจะเกิดอักเสบ เป็นสิวอักเสบ จนลามเป็นสิวอักเสบขนาดใหญ่อย่างสิวหัวช้างได้ด้วยเช่นกัน
       
    • อาการคล้ายโรครูขุมขนอักเสบจากเชื้อรา ผิวหนังมีลักษณะเป็นตุ่มนูนแดง ตุ่มน้ำ ตุ่มหนองขนาดเล็ก จากการที่รูขุมขนเกิดการอักเสบขึ้นมา เพราะได้รับการกระตุ้นจากเชื้อราให้ผิวรู้สึกระคายเคืองจนอักเสบขึ้นมา
       
  • สิวสเตียรอยด์/สิวสเตียรอย จากการใช้ยาสเตียรอยด์แบบทา ทั้งแบบเจล หรือครีม ผิวหนังในบริเวณที่ทาสารสเตียรอยด์ จะมีตุ่มคล้ายกับสิวอักเสบเล็ก ๆ ขึ้น พร้อมผื่นแดง สามารถเห็นเส้นเลือดฝอยชัดเจนกว่าปกติ เพราะเส้นเลือดในบริเวณนั้นขยายตัว จนในบางครั้งเส้นเลือดฝอยรอบ ๆ นั้นอาจจะแตกออก ทิ้งรอยไว้บนใบหน้าได้ นอกจากอาการผิวระคายเคืองแล้ว ผิวก็จะบอบบาง ไวต่อการกระตุ้นจากสิ่งต่าง ๆ มากขึ้น ทั้งจากมลภาวะ แสงแดด และผลิตภัณฑ์ดูแลผิวต่าง ๆ

เมื่อเห็นแล้วว่าลักษณะ และอาการของสิวสเตียรอยด์นั้น อาจจะทำให้ผิวบอบบางลง แข็งแรงน้อยลง เราควรจะต้องใส่ใจในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวให้มากขึ้น อย่าเพียงหลงเชื่อแต่คำโฆษณาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ผิวขาวรวดเร็วเท่านั้น เพราะหากเมื่อตรวจสอบผลิตภัณฑ์ไม่ได้มาตรฐานดังกล่าว อาจจะพบทั้งสารสเตียรอยด์ ทั้งสายปรอท ที่ทำให้เกิดสิวติดสารสเตียรอยด์ และสิวติดสารปรอทตามมาได้

สิวสเตียรอยด์ เกิดจากอะไร

สิวสเตียรอยด์เกิดจากที่ใช้ยา หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์ อย่างเช่น

  • ใช้เครื่องสำอาง หรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์ เนื่องจากในปัจจุบันด้วยเทรนด์ผิวขาวที่เป็นกระแสอยู่ในสังคมมาก ทำให้ใครหลาย ๆ คนเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ไม่ได้มาตรฐาน ที่ใช้ส่วนผสมอันตรายเป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ ดังนั้นควรหันมาใช้ครีมกันแดดที่อ่อนโยนและได้มาตรฐานมาช่วยป้องกันผิวจากรังสีUV จะช่วยให้ผิวคล้ำค่อย ๆ ฟื้นฟูดีขึ้นได้
     
  • ใช้ยารักษาสิวที่มีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์ ในการรักษาสิวก็เช่นกัน บางคนจึงต้องการรักษาสิวที่มีส่วนผสมสเตียรอยด์รุนแรงด้วยตนเอง ทำให้อาจเกิดผลข้างเคียงได้ ดังนั้นไม่ว่าการใช้ยาชนิดใด ควรจะปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ และให้อยู่ในการดูแลของแพทย์ตลอดการใช้งาน

เพราะสารสเตียรอยด์จะกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันที่จะทำหน้าที่กำจัดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ทำให้เมื่อมีเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อราเข้าสู่ร่างกาย ภูมิคุ้มกันจึงตอบสนองอย่างรวดเร็ว ทำให้รูขุมขนอักเสบ เกิดเป็นสิวสเตียรอยขึ้นมาได้

นอกจากนี้สารสเตียรอยด์เหล่านี้ อาจจะกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และหลอดเลือดผิดปกติ รวมถึงตัวไรบนผิวหนังมากขึ้น จากระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอลง ทำให้ผิวหนังอักเสบขึ้นมา

สิวจากสเตียรอยด์นั้นสามารถเกิดได้ทุกบริเวณในร่างกายตามแต่ผิวหนังทำปฏิกิริยาที่ร่างกายทำงานกับตัวยาสเตียรอยด์แบบภายใน กับผิวหนังในบริเวณที่สัมผัสโดนยาสเตียรอยด์แบบทา แต่บริเวณที่ปรากฏสิวแพ้สเตียรอยด์ ได้แก่

  • สิวสเตียรอยด์ที่หลัง
  • สิวสเตียรอยด์ที่ตัว
  • หน้าเป็นสิวสเตียรอยด์

รักษาสิวสเตียรอยด์ อย่างไรดี

การรักษาสิวสเตียรอยด์นั้นไม่เหมือนกับสิวทั่ว ๆ ไป เพราะมีเรื่องผิวที่ติดของสารเคมีเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้ไม่ควรรักษาสิวสเตียรอยด์ด้วยตัวเอง การรักษาหน้าติดสารสเตียรอยด์นั้นควรอยู่ในการดูแลของแพทย์ เพื่อผู้เข้ารับการรักษาได้รับวิธีรักษาสิวสเตียรอยด์อย่างถูกต้องและรักษาสิวสเตียรอยด์ให้หายขาดได้ และที่สำคัญเลย ควรเริ่มต้นจากการหยุดใช้ยา หรือครีมที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์เป็นอย่างแรก

 

รักษาสิวสเตียรอยด์แบบ Steroid acne

สิวสเตียรอยด์แบบ Steroid acne คือ สิวสเตียรอยด์ที่เกิดจากการใช้ยาสเตียรอยด์ใช้ภายใน โดยจำแนกการรักษาไปตามประเภทของลักษณะของสิวสเตียรอยด์

  • สิวสเตียรอยด์ที่มีลักษณะคล้ายกับโรคสิว เริ่มจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ แล้วจึงทำการรักษาแบบการรักษาสิวแบบทั่วไป รักษาตามอาการว่า สิวชนิดใดโผล่ขึ้น ก็รักษาตามชนิดของสิวนั้น ๆ
    หลังจากทำการหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารสเตียรอยด์แล้ว แพทย์อาจจะแนะนำให้ใช้ยารักษาสิวสเตียรอยด์ร่วมด้วย เช่น กลุ่มตัวยา Retinoids Benzoyl peroxide หรือยาปฏิชีวนะชนิดทา หากอาการยังไม่ดีขึ้น อาจจะต้องรับประทานยาปฏิชีวนะชนิดรับประทานร่วมด้วย
     
  • สิวสเตียรอยด์ที่มีลักษณะคล้ายกับโรครูขุมขนอักเสบ สิวสเตียรอยด์ชนิดนี้ก็เช่นกัน ควรอยู่ในการดูแลของแพทย์เช่นกัน โดยเริ่มต้นแพทย์จะแนะนำให้เลิกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารสเตียรอยด์ที่ใช้อยู่ก่อน แล้วจึงค่อย ๆ รักษาไปตามอาการ
    นอกจากใช้ยาทาในกลุ่มตัวยารักษาสิวเหมือนกับสิวสเตียรอยด์ที่คล้ายกับโรคสิวแล้ว อาจจะมีการใช้ยาฆ่าเชื้อชนิดทาเพิ่ม และต้องมีการรับประทานยาปฏิชีวนะ ยาฆ่าเชื้อเพิ่มขึ้นด้วย

 

รักษาสิวสเตียรอยด์แบบ Steroid rosacea

สิวสเตียรอยด์แบบ Steroid rosacea คือ สิวสเตียรอยด์ที่เกิดจากการใช้ยาสเตียรอยด์ชนิดทา โดยสิวสเตียรอยด์ชนิดนี้รักษาได้วิธีเริ่มต้นเดียวกัน คือ หยุดใช้ครีมที่มีสารสเตียรอยด์ และเข้ารับการรักษากับแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญ อาจมีการให้รับประทานยาฆ่าเชื้อ Tetracycline เพื่อลดจำนวนไรบนผิว พร้อมใช้ครีมบำรุงให้ผิวชุ่มชื้นอยู่เสมอ เพื่อช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองของผิวลง

หลังจากการรักษาสิวสเตียรอยด์ชนิดนี้ อาจทิ้งรอยแผลจากภาวะเส้นเลือดฝอยแตก ซึ่งแผลเหล่านี้จำเป็นต้องใช้ครีมลดรอยแผลรักษา และใช้การเลเซอร์ด้วย เพื่อให้ลดรอยแผลได้อย่างรวดเร็ว และได้ประสิทธิภาพมากกว่า

สิวสเตียรอยด์รักษาได้ด้วยการทายา และรับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อความปลอดภัยของผิวของเรา ดีกว่าการรักษาสิวสเตียรอยด์ด้วยสมุนไพรด้วยตัวเอง เพราะผิวที่บอบบางแล้ว อาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองมากขึ้น และทำให้สุขภาพผิวแย่ลงกว่าเดิม พร้อมทั้งเลือกสกินแคร์รักษาสิวสเตียรอยด์ที่เหมาะกับผิวของเรา เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ผิวเราแข็งแรงสู้ทุกสภาวะแวดล้อม

 

หากดูแลรักษาสิวสเตียรอยด์จนหายดีแล้วตามคำแนะนำของแพทย์แล้ว ก็ถึงเวลาที่จะต้องปูพื้นฐานผิวให้แข็งแรงตั้งแต่ต้น เพื่อผิวจะได้มีเกราะป้องกันจากสารเคมี มลภาวะต่าง ๆ ได้ โดยเริ่มจากวิธีดูแลผิวง่าย ๆ ที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง ดังนี้

1. ถ้าเป็นสิวสเตียรอยด์ไม่รุนแรง อาจจะลองหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมสเตียรอยด์ไป ผิวก็อาจจะดีขึ้นเองได้ หรือหากจำเป็นต้องใช้ยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์จริง ๆ แนะนำให้ปรึกษากับแพทย์ผิวหนังก่อน เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน

2. ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าทั้งคลีนซิ่ง เจลล้างหน้า และโทนเนอร์ที่อ่อนโยน เพราะผิวที่เคยติดสเตียรอยด์มา ผิวจะยังมีความอ่อนแออยู่ หากเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์ น้ำหอม พาราเบน หรือสารทำความสะอาดอื่น ๆ ที่รุนแรง จะทำให้ผิวมีสิวสเตียรอยที่ หน้าระคายเคืองมากขึ้น

3. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่อ่อนโยน และฟื้นฟูผิวที่อ่อนแออยู่ ให้แข็งแรงขึ้นได้อย่างไม่ทำให้ผิวมีสิวแพ้สเตียรอยด์เกิดการระคายเคืองขึ้นได้ โดยเน้นดูผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของพาราเบน น้ำหอม และแอลกอฮอลล์

4. งดสัมผัสใบหน้าแรง ๆ รวมถึงการทำทรีทเมนต์ผิวหน้าด้วย การขัดถู สครับ นวดหน้า หรือใช้ผลิตภัณฑ์มาสก์หน้าที่มีส่วนผสมในการผลัดเซลล์ผิว เพราะจะยิ่งทำให้ผิวอักเสบมากยิ่งขึ้น

5. เลี่ยงการสัมผัสกับแสงแดด และแสงสีฟ้าจากจอคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ มือถือ โดยตรง ด้วยการทาครีมกันแดดป้องกันรังสี UV ไม่ให้ผิวที่อักเสบ ได้รับการระคายเคืองมากขึ้น

 

ดูแลผิวเมื่อเป็นสิวเสตียรอยด์

สิวแพ้สเตียรอยด์รักษาระยะเวลานานเท่าไหร่ขึ้นกับหลายสาเหตุ เช่น ถ้าหากผิวหน้าติดสารสเตียรอยด์และดื้อยา ก็ต้องใช้เวลานานกว่าจะหาย และถ้าเป็นสิวสเตียรอยที่อักเสบรุนแรงก็จะรักษายากกว่าสิวอื่น ๆ ที่ไม่มีการอักเสบ

การรักษาสิวสเตียรอยด์ให้หายได้นั้นใช้เวลาโดยประมาณเป็นเดือน แต่ในบางกรณีก็อาจจะใช้เวลานานหลายเดือนก็ได้ แต่ปัญหาที่ตามมานั้นคือปัญหารอยสิวที่ก็ใช้เวลาการรักษาที่ยาวนานเช่นกัน

ไม่มีสกินแคร์หรือครีมรักษาสิวสเตียรอยด์ได้โดยตรง แต่ครีมและสกินแคร์ที่อ่อนโยน จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงมากขึ้น และเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการระคายเคืองให้ผิวได้ ทำให้สิวสเตียรอยด์ไม่เห่อแดงขึ้นมา และผิวแข็งแรงขึ้นลดการเกิดสิวสเตียรอยด์ลงไปได้

ไม่แนะนำให้กดสิวสเตียรอยด์ด้วยตนเอง เพราะสิวสเตียรอยด์ไม่ได้มีลักษณะเหมือนสิวอื่น ๆ และผิวที่ติดสารสเตียรอยด์นั้นอ่อนแออยู่มาก ไม่สมควรที่จะได้รับการสัมผัสที่รุนแรง แนะนำให้เข้าพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้แพทย์แนะนำวิธีที่เหมาะสมในการรักษาจะดีกว่า

สรุป

หลังจากที่ทุกคนได้รู้จักกับสิวสเตียรอยด์แล้ว ทุกคนก็คงจะระมัดระวัง และใส่ใจตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่ใช้อย่างดีว่าไม่มีส่วนผสมที่อันตรายอย่างสเตียรอยด์อยู่ เพราะผิวหนังที่ติดสารสเตียรอยด์นอกจากจะทำการรักษาสิวสเตียรอยด์ยาก ใช้เวลารักษายาวนานกว่าจะหายแล้ว ผิวก็จะมีความอ่อนแอลง ทำให้ต่อไปหากเจอสิ่งกระตุ้นเพียงเล่นน้อยก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาสิวอื่น ๆ ตามมาอีกได้

ผิวที่อ่อนแออยู่นั้นควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน ได้มาตรฐาน เพื่อที่ผิวที่บอบบางอยู่นั้นไม่ได้รับการทำร้ายให้ปราการผิวเสื่อมลง โดยผลิตภัณฑ์ Bioderma นั้นมีทั้งผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด และผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่อ่อนโยน และได้คุณภาพ

คลีนซิ่งเช็ดทำความสะอาด เหมาะกับผิวแพ้ง่ายเป็นสิวง่ายBioderma Sebium H2O คลีนซิ่ง ไมเซล่าเวอเตอร์ คลีนซิ่งที่อ่อนโยน ใช้ได้แม้มีผิวแพ้ง่าย เป็นสิวง่าย ผิวมัน ผิวผสม เพราะใช้นวัตกรรมที่ทันสมัยอย่าง Biomimetic Micellar Technology ช่วยทำความสะอาดสิ่งสกปรก เครื่องสำอาง ฝุ่น PM2.5 อ่อนโยน ไม่ทำร้ายปราการผิวให้อ่อนแอลง พร้อมด้วยสารสกัดจาก Copper Zinc Complex ช่วยกำจัดความมันส่วนเกิน และกำจัดแบคทีเรียสาเหตุในการเกิดสิว และสิทธิเฉพาะ D.A.F ของ Bioderma ช่วยลดการระคายเคือง ปลอบประโลมผิว พร้อมเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับผิวพรรณ

เจลล้างหน้า ไมเซล่า เหมาะกับผิวแพ้ง่ายเป็นสิวง่ายBioderma Sebium Gel Moussant เจลล้างหน้าสูตรอ่อนโยน เพราะเป็นเจลล้างหน้าที่ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างหมดจด อ่อนโยนต่อผิว เหมาะกับผิวแพ้ง่าย เป็นสิวง่าย ผิวมัน ผิวผสม เป็นเจลล้างหน้าสามารถช่วยลดมัน กำจัดแบคทีเรีย สาเหตุของปัญหาผิว ด้วย Copper Zinc Complex อีกทั้งมีสารสกัดจากใบแปะก๊วย ช่วยลดความระคายเคืองให้กับผิวได้

เจลล้างหน้าสูตรอ่อนโยน

Bioderma Sebium Sensitive ครีมบำรุงสำหรับคนเป็นสิว หรือมีผิวแพ้ง่าย-ขาดน้ำ สามารถใช้ร่วมกับยารักษาสิวที่แพทย์แนะนำให้ใช้ควบคู่ไปด้วยได้ เพราะ Inflastop Complex ช่วยปลอมประโลมผิวที่ระคายเคือง พร้อมด้วยกระบวนการ Seborestore Technology ช่วยลดสิว และฟื้นบำรุงผิวให้แข็งแรงขึ้น อีกทั้งมี Biomimetic Glycerine เติมความชุ่มชื้นให้กับผิวยาวนาน 12 ชั่วโมง ช่วยลดการระคายเคืองให้กับผิวได้

Bioderma ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มซีเบี่ยม

ทำความสะอาดและบำรุงผิว

ผิวผสมถึงผิวเป็นสิวง่าย

ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มซีเบี่ยม (Sébium)

Bioderma ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มซีเบี่ยม

ผิวจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เนื่องจากผิวจะมีความหนามากขึ้น มันเงา เกิดสิวอักเสบเป็นจุดมากน้อยแตกต่างกันไป และบางครั้งก็ยังคงเป็นเช่นนั้นต่อเนื่องไปจนถึงวัยผู้ใหญ่อีกด้วย

ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มซีเบี่ยม (Sébium) เป็นผลิตภัณฑ์ที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อผิวมันและเป็นสิวง่ายโดยเฉพาะ
ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มซีเบี่ยม (Sébium) มีผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและดูแลผิวที่แพทย์ผิวหนังแนะนำโดยเฉพาะ ทั้งผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าสำหรับผิวมัน อย่างเจลล้างหน้าและไมเซล่า วอเตอร์ มอยส์เจอไรเซอร์สำหรับผิวเป็นสิวง่าย และอื่นๆ อีกมากมาย เลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวประจำวันให้ตัวคุณเลย!