Key Takeaway

  • สิวสเตียรอยด์คือภาวะผิวอักเสบคล้ายสิว ที่เกิดจากการใช้ครีมหรือยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ต่อเนื่องจนผิวเสียสมดุล
  • สิวสเตียรอยด์ผิวจะมีผื่นแดง ตุ่มหนอง ตุ่มนูนเล็กๆ หรือสิวเห่อทั่วใบหน้า โดยเฉพาะแก้ม คาง หน้าผาก ผิวบาง แพ้ง่าย และไวต่อการระคาย
  • สิวสเตียรอยด์เกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์หรือยาที่มีสเตียรอยด์ ทั้งแบบทาและแบบทาน รวมถึงการหยุดใช้สเตียรอยด์กะทันหัน ทำให้ผิวอักเสบและระบบภูมิคุ้มกันแปรปรวน
  • วิธีรักษาสิวสเตียรอยด์เริ่มจากหยุดใช้สเตียรอยด์ภายใต้การดูแลแพทย์ ใช้ยาลดอักเสบ มอยส์เจอร์ไรเซอร์ และครีมกันแดด พร้อมดูแลผิวอย่างอ่อนโยน หากอาการไม่ดีขึ้นควรพบแพทย์เฉพาะทาง

 

ถึงแม้ ‘สเตียรอยด์’ จะเป็นตัวยาที่ถูกนำมาใช้ในการรักษาโรคมากมาย และในปัจจุบันมีการนำสเตียรอยด์เข้ามาเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวแต่ละชนิดมากขึ้น เพื่อให้ผิวขาวกระจ่างใสขึ้น แต่จริงๆ แล้วสารสเตียรอยด์นั้นเป็นอันตรายกับผิว ก่อให้เกิดผิวมัน รูขุมขนกว้าง หรือผิวแห้ง  ผิวบาง แพ้ง่าย เกิดรอยแผลได้ง่าย ผิวอักเสบ เป็นสิวอักเสบ  สิวอักเสบไม่มีหัว เห่อแดงขึ้นมา และเป็นความผิดปกติของผิวที่เรียกว่า ‘สิวสเตียรอยด์’ คือสิวที่เกิดจากครีมหรือยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ติดต่อกันนาน ทำให้ผิวอักเสบ แพ้ง่าย และมีสิวเห่อขึ้นทั่วใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณแก้ม คาง และหน้าผาก

 

จากความหวังที่จะมีผิวสวยเร็ว กลับกลายเป็นฝันร้ายที่อยากย้อนเวลากลับไปก่อนเริ่มใช้ คำถามคือ… แล้วจะรับมือกับสิวแบบนี้อย่างไรดี? การรักษาสิวสเตียรอยด์มีการรักษาแตกต่างไปจากสิวทั่วไป เพราะมีสาเหตุ และลักษณะแตกต่างกัน วันนี้ Bioderma จะมาแนะนำให้กับทุกคนรู้จักสิวสเตียรอยด์กัน

สิวสเตียรอยด์ คืออะไร

ผิวที่เคยเรียบใส กลับเต็มไปด้วยตุ่มแดง แสบคัน และเห่อขึ้นพร้อมกันหลายจุด จนหลายคนเข้าใจว่าเป็นสิวธรรมดา แต่จริงๆ แล้วเป็นสิวสเตียรอยด์ (Steroid acne) หรือโรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่เกิดผื่นคล้ายสิว (Acneiform Eruption) เกิดจากการใช้ครีมหรือยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ทำให้ผิวอ่อนแอ แพ้ง่าย และรูขุมขนอักเสบ 

 

สิวสเตียรอยด์ขึ้นกระจายบริเวณที่สัมผัสสาร แตกต่างจากสิวอุดตันทั่วไป เพราะต้นเหตุมาจากการอักเสบภายในรูขุมขน ไม่ใช่การอุดตันของน้ำมันหรือสิ่งสกปรก สิ่งที่น่ากลัวคือเกิดขึ้นเร็ว รุนแรง และทำให้ผิวเสียความมั่นใจในเวลาไม่นานเลย

 

สิวสเตียรอยด์ อาการเป็นอย่างไร

สิวสเตียรอยด์เริ่มจากผื่นแดงเล็กๆ ก่อนจะตามมาด้วยตุ่มนูนใสหรือหนอง คล้ายตุ่มน้ำพุพอง บางคนขึ้นทีละเม็ด แต่บางครั้งก็เห่อพร้อมกันทั่วแก้ม คาง หรือหน้าผาก มีลักษณะคล้ายกันทั้งหมด จุดต่างจากสิวทั่วไปคือเกิดจากการอักเสบของผิวที่สัมผัสสารสเตียรอยด์ ไม่ใช่เพราะไขมันอุดตัน อาการของสิวสเตียรอยด์แบ่งได้ 2 แบบหลักๆ 

 

สิวแพ้สเตียรอยด์จากการใช้ยาภายใน

  • อาการคล้ายโรคสิว ผิวหนังจะมีตุ่มสิวหลายประเภทเกิดขึ้น อาจจะเป็นสิวอุดตัน สิวหัวดำ สิวเสี้ยน สิวหัวขาว หรือร้ายแรงกว่าตรงผิวหนังอาจเกิดการอักเสบ เป็นสิวอักเสบ จนลามเป็นสิวอักเสบขนาดใหญ่อย่างสิวหัวช้างได้ด้วย
  • อาการคล้ายโรครูขุมขนอักเสบจากเชื้อรา ผิวหนังมีลักษณะตุ่มนูนแดง ตุ่มน้ำ ตุ่มหนองขนาดเล็กจากการที่รูขุมขนอักเสบ เพราะถูกกระตุ้นจากเชื้อรา ทำให้ผิวรู้สึกระคายจนอักเสบขึ้นมา

 

สิวแพ้สเตียรอยด์จากการใช้ยาแบบทา 

ทั้งแบบเจลหรือครีม มีตุ่มคล้ายสิวอักเสบเล็กๆ พร้อมผื่นแดง เห็นเส้นเลือดฝอยชัดกว่าปกติ เพราะเส้นเลือดบริเวณนี้ขยายตัว จนเส้นเลือดฝอยรอบๆ แตกออก ทิ้งรอยไว้บนใบหน้าได้ นอกจากผิวระคายแล้ว ผิวก็บอบบาง ไวต่อการกระตุ้นมากขึ้น ทั้งจากมลภาวะ แสงแดด และผลิตภัณฑ์ดูแลผิวต่างๆ

เห็นกันไปว่าลักษณะและอาการสิวสเตียรอยด์อาจทำให้ผิวบอบบาง แข็งแรงน้อยลง เราจึงควรใส่ใจเรื่องผลิตภัณฑ์บำรุงผิวให้มากขึ้น อย่าหลงเชื่อแต่คำโฆษณาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ผิวขาวรวดเร็ว เพราะเมื่อตรวจสอบผลิตภัณฑ์อาจไม่ได้มาตรฐาน พบทั้งสารสเตียรอยด์และสารปรอทที่ทำให้เกิดสิวได้

สิวสเตียรอยด์เกิดจากอะไร

สิวสเตียรอยด์เกิดขึ้นได้เกือบทุกส่วนของร่างกาย ขึ้นอยู่กับว่าร่างกายได้รับสเตียรอยด์ในรูปแบบไหน ถ้าทานหรือฉีดยาสเตียรอยด์แบบภายใน สิวอาจกระจายตัวขึ้นทั่วร่างกาย แต่ถ้าใช้สเตียรอยด์แบบทา สิวจะเกิดเฉพาะบริเวณที่ผิวสัมผัสกับยาโดยตรง ได้แก่ ใบหน้าบริเวณแก้ม คาง หน้าผาก ลำตัวบริเวณหน้าอก ไหล่ หรือแผ่นหลัง แผ่นหลังที่เห็นเป็นผื่นสิวเห่อขึ้นจำนวนมาก

สิวสเตียรอยด์เกิดจากการใช้ยา หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์ รวมถึงการหยุดใช้สเตียรอยด์กะทันหัน ดังนี้

 

ใช้เครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์ที่มีสารสเตียรอยด์

ในยุคที่ผิวขาวยังเป็นเทรนด์ยอดฮิต หลายคนเผลอเลือกใช้ครีมหรือสกินแคร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งอาจมีส่วนผสมของสเตียรอยด์หรือสารอันตรายโดยไม่รู้ตัว ส่งผลให้ผิวบางลง แพ้ง่าย และเสี่ยงเกิดสิวสเตียรอยด์ การดูแลที่ดีกว่าคือ หันมาใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและได้รับการรับรอง โดยเฉพาะครีมกันแดด เพราะรังสี UV เป็นตัวกระตุ้นให้ผิวคล้ำเสียและฟื้นบำรุงช้าลง 

 

ใช้ยารักษาสิวที่มีสารสเตียรอยด์

การใช้ยารักษาสิวที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์อาจช่วยให้สิวหายเร็วขึ้นในช่วงแรก แต่หากใช้เองโดยไม่มีคำแนะนำจากแพทย์ ยิ่งเสี่ยงต่อผลข้างเคียง เช่น ผิวบาง อักเสบง่าย หรือกลายเป็นสิวสเตียรอยด์ในที่สุด หลายคนพยายามหายาแรงๆ มาใช้เองเพื่อให้ผิวดีขึ้น แต่ยิ่งทำให้ปัญหาลุกลามมากกว่าเดิม ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นยาทาหรือยาทาน ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผิวหนังด้วย

 

การหยุดใช้สเตียรอยด์กะทันหัน

การหยุดใช้ยาหรือครีมสเตียรอยด์กะทันหันหลังจากใช้ต่อเนื่องมานาน อาจทำให้ผิวเกิด ‘อาการถอนสเตียรอยด์ (Steroid Withdrawal)’ ผิวที่เคยชินกับสารนี้จะระคาย อักเสบ และไวต่อสิ่งกระตุ้นทันที ส่งผลให้ผื่นแดง ตุ่มหนอง และสิวสเตียรอยด์เห่อขึ้นทั่วบริเวณที่เคยใช้ยา เพราะสเตียรอยด์มีฤทธิ์กดการอักเสบ พอหยุดทันที ผิวจึงเหมือนถูกปล่อยให้เผชิญกับการอักเสบแบบไม่มีเกราะป้องกัน และรูขุมขนจึงอักเสบลุกลามกลายเป็นสิวได้รวดเร็ว

 

รู้หรือไม่? สารสเตียรอยด์กระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันที่ทำหน้าที่ลดโอกาสเกิดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ทำให้เมื่อมีเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราเข้าสู่ร่างกาย ภูมิคุ้มกันจึงตอบสนองรวดเร็ว ทำให้รูขุมขนอักเสบ เกิดเป็นสิวสเตียรอยด์ขึ้นมาได้ นอกจากนี้ สารสเตียรอยด์อาจกระตุ้นภูมิคุ้มกันและหลอดเลือดผิดปกติ รวมถึงตัวไรบนผิวหนังมากขึ้น จากระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอลง ทำให้ผิวหนังอักเสบขึ้นมา

วิธีรักษาสิวสเตียรอยด์

การรักษาสิวสเตียรอยด์ไม่เหมือนสิวทั่วไป เพราะผิวติดสารเคมี จึงไม่ควรรักษาสิวสเตียรอยด์ด้วยตัวเอง ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์

 

รักษาสิวสเตียรอยด์แบบ Steroid acne

สิวสเตียรอยด์แบบ Steroid acne คือภาวะผิวที่เกิดจากได้รับยาสเตียรอยด์ชนิดทานหรือฉีด ส่งผลให้ผิวอักเสบและเกิดผื่นคล้ายสิวทั่วใบหน้าหรือร่างกาย ซึ่งแนวทางการรักษาจะขึ้นอยู่กับลักษณะของผื่นที่ปรากฏ และทุกกรณีควรได้รับการดูแลโดยแพทย์ผิวหนัง เพื่อควบคุมอาการไม่ให้ลุกลาม และช่วยให้ผิวฟื้นตัวกลับมาแข็งแรง

 

  • สิวสเตียรอยด์ลักษณะคล้ายโรคสิว 

เริ่มจากการหยุดใช้ผลิตภัณฑ์หรือยาที่มีสเตียรอยด์ก่อน จากนั้นรักษาตามลักษณะของสิวที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสิวอุดตัน สิวหนอง หรือสิวอักเสบ โดยแพทย์มักให้ยาทากลุ่ม Retinoids, Benzoyl Peroxide หรือยาปฏิชีวนะเฉพาะที่ หากผื่นยังไม่ดีขึ้น อาจต้องใช้ยาปฏิชีวนะแบบทานร่วมด้วย

 

  • สิวสเตียรอยด์ลักษณะคล้ายโรครูขุมขนอักเสบ 

ลักษณะนี้มักเป็นผื่นตุ่มแดง หรือตุ่มหนองเล็กๆ กระจายทั่วพื้นที่ที่ได้รับสเตียรอยด์ การรักษาเริ่มจากหยุดใช้สารสเตียรอยด์เช่นเดียวกัน จากนั้นแพทย์จะค่อยๆ รักษาตามอาการ โดยใช้ยาทาสิวร่วมกับยาฆ่าเชื้อรา หรือยาปฏิชีวนะเฉพาะที่ และในบางรายอาจต้องทานยาปฏิชีวนะหรือยาฆ่าเชื้อ

 

รักษาสิวสเตียรอยด์แบบ Steroid rosacea

สิวสเตียรอยด์แบบ Steroid rosacea เป็นภาวะผิวที่เกิดจากการใช้ครีมหรือยาทาสเตียรอยด์ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ทำให้ผิวบาง อักเสบ และเกิดตุ่มแดงคล้ายสิวร่วมกับเส้นเลือดฝอยที่ผิวหน้า ขั้นตอนการรักษาเริ่มจากหยุดใช้สเตียรอยด์ทันที และเข้าพบแพทย์ผิวหนังเพื่อวางแผนการรักษา แพทย์อาจให้ยาปฏิชีวนะชนิดทาน เช่น Tetracycline ควบคู่กับครีมบำรุงผิวที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการแสบระคายผิว และฟื้นบำรุงเกราะป้องกันผิว

 

หลังการรักษาอาจมีปัญหารอยแดงหรือเส้นเลือดฝอยแตกหลงเหลืออยู่ สามารถดูแลต่อด้วยครีมลดรอยและเลเซอร์เฉพาะจุด เพื่อให้รอยค่อยๆ จางลง การรักษาด้วยยาทาและยาทานตามคำแนะนำของแพทย์เป็นวิธีที่เห็นผลดีกว่าการใช้สมุนไพร เนื่องจากผิวที่ผ่านสเตียรอยด์บอบบางอยู่แล้ว และอาจแพ้หรืออักเสบหนักกว่าเดิม การเลือกใช้สกินแคร์ที่อ่อนโยนและเหมาะกับผิวจึงเป็นอีกขั้นตอนสร้างผิวให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง

วิธีรักษาสิวสเตียรอยด์ด้วยตัวเอง

หากดูแลรักษาสิวสเตียรอยด์จนหายดีแล้วตามคำแนะนำของแพทย์ ถึงเวลาที่จะต้องปูพื้นฐานผิวให้แข็งแรงตั้งแต่ต้น เพื่อผิวจะได้มีเกราะป้องกันจากสารเคมี มลภาวะต่างๆ ได้ เริ่มจากวิธีรักษาสิวสเตียรอยด์แบบธรรมชาติ ดูแลผิวง่ายๆ ที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง ดังนี้

 

  • พักผ่อนให้เพียงพอ

อย่างน้อย 6 - 8 ชั่วโมงต่อคืน ช่วยให้ฮอร์โมนในร่างกายสมดุล ลดการอักเสบของผิว และช่วยให้ผิวฟื้นบำรุงตัวเองดีขึ้น ควรนอนก่อน 23.00 น. เพื่อให้วงจรการซ่อมแซมผิวทำงานเต็มประสิทธิภาพด้วย

 

  • ทานอาหารที่มีประโยชน์ 

มีสารแอนติออกซิแดนท์ เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืช ปลาไขมันดี และดื่มน้ำให้เพียงพอ ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ลดการอักเสบ และฟื้นบำรุงผิวจากภายใน หลีกเลี่ยงอาหารมัน ทอด น้ำตาลสูง และนมบางชนิดที่อาจกระตุ้นให้ผิวอักเสบหรือสิวเห่อหนักกว่าเดิม

 

  • หยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสเตียรอยด์ทันที 

ถ้าเป็นสิวสเตียรอยด์ไม่รุนแรง อาจจะลองหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมสเตียรอยด์ไป ผิวอาจดีขึ้นเองได้ หรือถ้าจำเป็นต้องใช้ยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์จริงๆ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อน

 

  • ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าอ่อนโยน 

ดูแลผิวติดสารสเตียรอยด์ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า ทั้งคลีนซิ่ง เจลล้างหน้า และโทนเนอร์ที่อ่อนโยน เพราะผิวที่เคยติดสเตียรอยด์ผิวจะยังอ่อนแออยู่ ถ้าเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์ พาราเบน หรือสารทำความสะอาดอื่นๆ ที่รุนแรง อาจทำให้ผิวหน้าระคายมากขึ้น

ไม่ต้องกังวลเรื่องผิวแห้งระหว่างทำความสะอาด คลีนซิ่ง Sebium H2O ตัวช่วยทำความสะอาดทั้งความมัน สิ่งสกปรก และเครื่องสำอาง พร้อมให้ความสดชื่นในทุกครั้งที่ใช้ ผลิตมาเพื่อผิวผสมถึงผิวมันโดยเฉพาะ อ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดสิวอุดตัน แม้ผิวบอบบางก็ใช้ได้สบายใจ

 

  • ใช้ผลิตภัณฑ์เสริมเกราะป้องกันผิว

ดูแลผิวติดสารสเตียรอยด์ด้วยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอ่อนโยน ลดการสูญเสียน้ำ และฟื้นบำรุงผิวอ่อนแอให้แข็งแรงขึ้นได้ ไม่ทำให้เกิดการระคาย หน้าแห้งตึง เน้นผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของพาราเบน น้ำหอม และแอลกอฮอลล์ เช่น มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่มีเซราไมด์ ไขมันธรรมชาติ หรือไฮยาลูรอนิกแอซิด ฟื้นบำรุงผิวให้กลับมาชุ่มชื้น

 

ผิวดูเรียบเนียนด้วย Sebium Pore Refiner เพื่อผิวผสมถึงผิวมันโดยเฉพาะ รูขุมขนดูกระชับเล็กลง ไม่อุดตัน ควบคุมความมันและเสริมประสิทธิภาพการเป็นเมกอัปเบส สูตรนี้อ่อนโยน เหมาะกับผิวบอบบาง เพราะมีเทคโนโลยี Fluidactiv™ ช่วยควบคุมคุณภาพไขมันใต้ผิวหนัง ไม่ให้เกิดสิว และยังมีกรดอะการิกช่วยให้ผิวละเอียด กระจ่างใส Mattifying Powder ลดความมันส่วนเกินได้ตลอดวัน

มั่นใจได้กับผิวสุขภาพดี Sebium Serum เซรั่มช่วยลดโอกาสเกิดสิวด้วยการควบคุมไขมันและผลัดเซลล์ผิว ผสานเทคโนโลยี FLUIDACTIV™ ที่ดูแลปัญหาสิวถึงต้นเหตุ ช่วยให้รอยสิวดูจางลง เผยผิวเรียบเนียน ริ้วรอยแลดูตื้นและอ่อนเยาว์ เนื้อเซรั่มอ่อนโยนแต่เติมความชุ่มชื้นได้ยาวนาน 8 ชั่วโมง เหมาะกับคนที่มีปัญหาสิว ผิวมัน หรือผิวผสมเป็นพิเศษ

 

  • ทาครีมกันแดดปกป้องผิวทุกวัน 

ช่วยปกป้องผิวที่อ่อนแอจากรังสี UV ซึ่งอาจกระตุ้นให้ผิวอักเสบหรือสิวสเตียรอยด์แย่ลง ทำให้ผิวอักเสบ แดง และเกิดรอยสิวมากกว่าเดิม หากอาการยังไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพื่อรับการรักษาที่ตรงจุด

 

Photoderm XDefense ครีมกันแดดสำหรับผิวแพ้ง่ายและเป็นสิวง่าย ปกป้องผิวจากแสงแดด แสงยูวี คลื่นความร้อน และมลภาวะ ด้วยเทคโนโลยี Environmental Active Defense และ Detox Science Technology ช่วยดีท็อกซ์ผิวให้กระจ่างใส เนื้อสัมผัส Ultra Fluid บางเบา แห้งไม่เหนียว ไม่เป็นคราบขาว ให้ผิวแมตต์ คุมมันพร้อมเติมความชุ่มชื้น 8 ชั่วโมง แม้ใช้ตัวกรองแสงแดดเพียง 3 ตัว ก็ยังปกป้องทั้ง UVA/UVB และแสงที่มองเห็นได้ดี

 

  • เลี่ยงสัมผัสแสงแดดและแสงสีฟ้า

ทั้งจากจอคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์โดยตรงด้วยการทาครีมกันแดดป้องกันรังสี UV ไม่ให้ผิวที่อักเสบหรือระคายมากขึ้น

 

  • งดสัมผัสใบหน้าแรงๆ 

รวมถึงการทำทรีตเมนต์ผิวหน้าด้วยการขัดถู สครับ นวดหน้า หรือใช้ผลิตภัณฑ์มาสก์หน้าที่มีส่วนผสมผลัดเซลล์ผิว เพราะจะยิ่งทำให้ผิวอักเสบมากขึ้น

 

สิวสเตียรอยด์หายเองได้ไหม?

หลายคนหวังว่าแค่หยุดใช้ครีมหรือยาที่มีสเตียรอยด์ สิวสเตียรอยด์จะค่อยๆ หายไปเอง แต่ความจริงแล้วอาจไม่ง่ายแบบนั้น เพราะผิวที่ผ่านสเตียรอยด์จะอ่อนแอ รูขุมขนอักเสบ และเกราะป้องกันผิวถูกทำลาย หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาการจะยิ่งลุกลามหรือทิ้งรอยแดงและหลุมสิวไว้ 

แม้บางรายจะค่อยๆ ดีขึ้นเอง แต่กระบวนการฟื้นบำรุงอาจใช้เวลานานหลายเดือนหลายปี การพบแพทย์ผิวหนังและใช้สกินแคร์ที่อ่อนโยนควบคู่ จึงเป็นวิธีที่ดีกว่า ช่วยให้ผิวฟื้นตัวเร็ว ลดการอักเสบ และกลับมาแข็งแรง 

เป็นสิวสเตียรอยด์แบบไหน? ควรรีบพบแพทย์

  • ผื่นสิวเห่อทั่วใบหน้า ลามไปลำคอ แผ่นหลัง หรือทั้งตัว แสดงว่าผิวกำลังอักเสบรุนแรงและควบคุมไม่อยู่
  • มีตุ่มหนองจำนวนมาก เจ็บ แสบ คันจนใช้ชีวิตลำบาก เข้าข่ายอักเสบติดเชื้อ หากปล่อยไว้อาจลามลึกและทิ้งรอยแผล
  • ผิวบางจนเห็นเส้นเลือดฝอยชัด เริ่มมีเส้นเลือดฝอยแตก เป็นสัญญาณว่าผิวเสียสมดุลจากสเตียรอยด์ ไม่ควรรักษาเอง
  • หยุดใช้ครีมหรือรักษาด้วยตัวเองแล้ว 1 - 2 สัปดาห์ แต่อาการไม่ดีขึ้น หรือแย่ลง อาจมีเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อราร่วมด้วย ต้องใช้ยารักษาเฉพาะทาง
  • มีอาการแสบผิวรุนแรง แดงลาม หรือรู้สึกตึง เจ็บแม้ไม่ได้แตะผิว เป็นสัญญาณว่าผิวกำลังเกิดภาวะถอนสเตียรอยด์ ต้องให้แพทย์ดูแลทันที

 

สรุป

สิวสเตียรอยด์ คือภาวะผิวอักเสบคล้ายสิวที่เกิดจากการใช้ครีมหรือยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ทำให้ผิวบาง แพ้ง่าย และเกิดตุ่มแดง ตุ่มหนอง หรือผื่นทั่วใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณแก้ม คาง หน้าผาก หรือส่วนของร่างกายที่สัมผัสยา สาเหตุหลักมาจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ใช้ยารักษาสิวผิดวิธี หรือหยุดสเตียรอยด์กะทันหันจนผิวเกิดอาการถอนยา การรักษาควรเริ่มจากหยุดใช้สเตียรอยด์ภายใต้การดูแลของแพทย์ ใช้ยาลดอักเสบ มอยส์เจอร์ไรเซอร์ฟื้นบำรุงเกราะผิว และกันแดดเพื่อป้องกันรังสี UV

 

เพื่อไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำ ควรหลีกเลี่ยงครีมหรือผลิตภัณฑ์ที่ไม่มี อย. หรือไม่ระบุส่วนผสมชัดเจน เลือกใช้สกินแคร์อ่อนโยนที่ผ่านการทดสอบทางการแพทย์ และบำรุงผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว หากรักษาเองแล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรรีบปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อฟื้นบำรุงผิวอย่างถูกวิธี

 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสิวสเตียรอยด์ (FAQ)

 

สิวสเตียรอยด์ กดได้ไหม?

ไม่แนะนำให้กดสิวสเตียรอยด์ด้วยตัวเอง เพราะสิวสเตียรอยด์ไม่ได้มีลักษณะเหมือนสิวอื่นๆ และผิวที่ติดสารสเตียรอยด์ก็อ่อนแออยู่มาก ไม่สมควรรับการสัมผัสรุนแรง แนะนำให้เข้าพบแพทย์เพื่อการรักษาที่เหมาะสมจะดีกว่า

 

สิวสเตียรอยด์หายเองได้ไหม?

สิวสเตียรอยด์บางกรณีสามารถหายเองได้ ถ้าหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสเตียรอยด์และดูแลผิวอย่างถูกวิธี อาการที่ไม่รุนแรงจะค่อยๆ ดีขึ้น แต่ถ้าอาการหนักหรือไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์

 

สิวสเตียรอยด์รักษานานไหม?

สิวแพ้สเตียรอยด์จะรักษานานแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับสาเหตุ เช่น ถ้าหน้าเป็นสิวสเตียรอยด์และดื้อยา ก็ต้องใช้เวลานานกว่าจะหาย และถ้าเป็นสิวสเตียรอยด์อักเสบรุนแรงจะรักษายากกว่าสิวอื่นๆ ที่ไม่อักเสบ

 

สิวสเตียรอยด์กี่เดือนหาย?

สิวสเตียรอยด์จะเริ่มดีขึ้นใน 1-2 เดือน หากได้รับการดูแลที่ถูกต้อง แต่กรณีรุนแรงอาจใช้เวลานานถึง 3 - 6 เดือน หรือบางคนอาจต้องใช้เวลาถึง 1 ปี ขึ้นกับปัจจัยของแต่ละคน

Bioderma ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มซีเบี่ยม

ทำความสะอาดและบำรุงผิว

ผิวผสมถึงผิวเป็นสิวง่าย

ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มซีเบี่ยม (Sébium)

Bioderma ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มซีเบี่ยม

ผิวจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เนื่องจากผิวจะมีความหนามากขึ้น มันเงา เกิดสิวอักเสบเป็นจุดมากน้อยแตกต่างกันไป และบางครั้งก็ยังคงเป็นเช่นนั้นต่อเนื่องไปจนถึงวัยผู้ใหญ่อีกด้วย

ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มซีเบี่ยม (Sébium) เป็นผลิตภัณฑ์ที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อผิวมันและเป็นสิวง่ายโดยเฉพาะ
ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มซีเบี่ยม (Sébium) มีผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและดูแลผิวที่แพทย์ผิวหนังแนะนำโดยเฉพาะ ทั้งผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าสำหรับผิวมัน อย่างเจลล้างหน้าและไมเซล่า วอเตอร์ มอยส์เจอไรเซอร์สำหรับผิวเป็นสิวง่าย และอื่นๆ อีกมากมาย เลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวประจำวันให้ตัวคุณเลย!