ในการทำความสะอาดผิวหน้านั้นมีผลิตภัณฑ์หลายประเภท และหลายขั้นตอนให้เราได้เลือกใช้ Bioderma เชื่อว่าหลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่า แล้วเราควรต้องใช้ผลิตภัณฑ์ตัวไหนกันแน่ คลีนเซอร์ (Cleanser)/เจลล้างหน้า หรือ คลีนซิ่ง (Cleansing) ในการทำความสะอาดผิวหน้ากัน เพราะผลิตภัณฑ์ทั้งสองประเภทจัดอยู่ในหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าเหมือนกัน

แล้วคลีนเซอร์ คืออะไร คลีนซิ่ง คืออะไร แล้วทั้งสองอย่างมันมีความแตกต่างกันอย่างไร แล้วต้องใช้เรียงลำดับขั้นตอนในการทำความสะอาดอย่างไร ถึงจะเป็นวิธีทำความสะอาดผิวหน้าได้ถูกต้อง และได้ประสิทธิภาพมากที่สุด

คลีนเซอร์ (Cleanser) คืออะไร 

คลีนเซอร์คืออะไร คลีนเซอร์ (Cleanser) คือ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่จัดอยู่ในหมวดทำความสะอาดผิวหน้า โดยจะเน้นทำหน้าที่ทำความสะอาดสิ่งสกปรก ฝุ่นละออง คราบเหงื่อไคล น้ำมันบนผิวหน้า เชื้อแบคทีเรีย และที่สำคัญสามารถทำความสะอาดคลีนซิ่งที่ใช้เช็ดเครื่องสำอาง ครีมกันแดดที่มีสารกันน้ำให้ออกจากผิวได้อย่างหมดจด ไม่เกิดการอุดตันในรูขุมขน ป้องกันการเกิดปัญหาผิวอื่น ๆ ตามมา เช่น ปัญหาการเกิดสิว ปัญหารูขุมขนกว้าง ปัญหาริ้วรอยก่อนวัย และปัญหาความหมองคล้ำ ที่เกิดจากการสะสมของสิ่งสกปรกบนผิวและรูขุมขน

คลีนเซอร์ใช้ตอนไหน

หลายคนอาจจะสงสัยว่าแล้วคลีนเซอร์ใช้ตอนไหน? คลีนเซอร์ คือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างล้ำลึกถึงรูขุมขน เช่นนั้นจึงใช้หลังการล้างหน้าด้วยคลีนซิ่งที่เราใช้เช็ดเครื่องสำอาง และครีมกันแดดไปในขั้นตอนแรก 

เพื่อที่คลีนเซอร์จะได้ล้างคลีนซิ่ง และขจัดสิ่งสกปรกต่าง ๆ ออกไปได้อย่างหมดจด และตามด้วยการใช้น้ำเปล่าล้างคลีนเซอร์ และคราบสกปรกให้หลุดออกไปจากใบหน้า

หลังจากที่เช็ดคราบเครื่องสำอาง และครีมกันแดดออกไปด้วยคลีนซิ่งแล้ว ให้ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าอีกครั้ง เพื่อให้ผิวหน้าเปียกหมาด ๆ แล้วจึงล้างหน้าต่อด้วยคลีนเซอร์ เพื่อล้างคราบสกปรกต่าง ๆ ออกไป ก่อนที่จะล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าอีกครั้ง ให้คราบของคลีนเซอร์หลุดออกไป เป็นอันเสร็จขั้นตอนการล้างหน้าด้วยคลีนเซอร์

คลีนเซอร์  คลีนซิ่ง และ โทนเนอร์ ต่างกันอย่างไร 

คลีนซิ่ง คลีนเซอร์ต่างกันยังไง หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีความสงสัยระหว่างการใช้ผลิตภัณฑ์ทั้งสอง วันนี้ Bioderma จะขอพาทุกคนไปดูถึงความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวทั้งสอง เพื่อที่ทุกคนจะได้เลือกใช้ได้อย่างถูกวิธี และทราบว่าคลีนเซอร์ใช้ตอนไหน คลีนซิ่งใช้ตอนไหน 

นอกจากนี้ยังมีตัวช่วยปรับค่า pH ผิวอย่าง โทนเนอร์ ที่แนะนำให้ใช้ทันทีหลังล้างหน้าด้วยคลีนเซอร์ แล้วมาดูกันว่าผลิตภัณฑ์นี้ต่างจากตัวอื่นอย่างไร และต้องใช้ตอนไหน

 

คลีนเซอร์ (Cleanser)

cleanser  คือ

ในแต่ละวันที่ต้องเผชิญกับฝุ่นควัน มลภาวะต่าง ๆ ทำให้คลีนเซอร์เป็นส่วนสำคัญมากในขั้นตอนการดูแลผิว 

เพราะคลีนเซอร์ คือ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า ที่ต้องใช้น้ำล้างออก ช่วยขจัดความมันบนใบหน้า ฝุ่นมลภาวะ  แบคทีเรียต่าง ๆ ให้หลุดออกจากผิวหน้า ไม่ให้เกิดการอุดตันในรูขุมขน

นอกจากนี้คลีนเซอร์ยังมีหลากหลายเนื้อสัมผัสให้ผู้ใช้งานเลือกใช้ ไม่ว่าจะเนื้อเจลไม่มีสี ไม่มีฟอง ช่วยลดแรงตึงผิว อ่อนโยนต่อผิวของผู้ใช้งาน ไม่สร้างความระคายเคืองให้กับผิว แต่สามารถทำความสะอาดได้อย่างล้ำลึก เป็นต้น

และยังมีการพัฒนาคลีนเซอร์หลายสูตรให้กับสภาพผิวของผู้ใช้งานแต่ละคน เช่น สูตรที่ช่วยในการลดสิว มีการใส่ส่วนผสมของ Zinc (แร่ธาตุสังกะสี) ที่มีฤทธิ์ยับยั้งการเติบโตของแบคทีเรียบนผิวหนัง ลดลงการอักเสบของผิว ลดความมันส่วนเกินของใบหน้าอันเป็นสาเหตุของการเกิดสิว

 

คลีนซิ่ง (Cleansing)

คลีนซิ่ง คือ

คลีนเซอร์กับคลีนซิ่งต่างกันอย่างไร คลีนซิ่งนั้น คือ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าโดยเฉพาะ เพราะสามารถทำความสะอาดคราบฝุ่นมลภาวะหลุดออกไปได้อย่างหมดจด รวมถึงคราบเครื่องสำอาง และครีมกันแดดที่มีส่วนผสมที่กันน้ำก็สามารถขจัดออกไปได้

คลีนซิ่งมีเนื้อหลายรูปแบบตั้งแต่เนื้อสัมผัสแบบน้ำ บาล์ม ครีม เจล ออยล์ มิลค์ หรือแม้แต่แบบที่บรรจุมาในแบบแผ่นแล้วก็ตาม นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาสูตรต่าง ๆ เพื่อจำเพาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวต่าง ๆ โดยเฉพาะ เช่น สูตรลดสิว สูตรผลัดเซลล์ผิว ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกใช้ได้ตามความสะดวกในการใช้งาน และสภาพผิวของผู้ใช้งานได้

ในผู้ที่ไม่ได้แต่งหน้าก็สามารถใช้คลีนซิ่งร่วมด้วยในการทำความสะอาดผิวหน้าเป็นขั้นตอนแรกได้ เพราะในยุคปัจจุบัน ชีวิตประจำวันนั้นเราต้องเผชิญกับมลภาวะที่เป็นพิษต่าง ๆ มากมาย หากได้ใช้คลีนซิ่งเป็นอีกตัวช่วยหนึ่งในการทำความสะอาดผิวหน้าก็เป็นทางเลือกที่ดี

 

โทนเนอร์ (Toner)

 โทนเนอร์ คือ

โทนเนอร์ คือ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอีกประเภทหนึ่ง ที่แนะนำให้ใช้ทันทีหลังจากล้างหน้าด้วยคลีนเซอร์ โดยสามารถเทโทนเนอร์ลงบนสำลีแล้วเช็ดหน้าเบาๆ หรือเทบนฝ่ามือแล้วทาทั่วใบหน้าเบาๆ เพื่อให้ผิวมีสุขภาพดี ชุ่มชื้น

นอกจากนี้สรรพคุณหลักของโทนเนอร์อีกอย่าง คือ ช่วยปรับสมดุลให้ค่า pH บนใบหน้าให้สมดุล จากมลภาวะต่างๆรวมถึงเครื่องสำอางที่อาจทำให้เราหน้ามันขึ้นหรือหน้าแห้งขึ้น ทำให้ค่า pH ของผิวเปลี่ยนไป โทนเนอร์จึงทำหน้าที่ปรับให้ผิวมีค่า pH เป็นกลางอีกครั้ง

และช่วยทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น พร้อมรับการบำรุงด้วย เซรั่ม และครีมบำรุงในขั้นตอนถัดไป ทำให้สารบำรุงต่าง ๆ ซึมลึกลงสู้ชั้นผิวมากขึ้น

คลีนเซอร์ มีแบบไหนบ้าง 

หลังจากที่ทราบแล้วว่าคลีนเซอร์ โทนเนอร์กับคลีนซิ่งต่างกันอย่างไรแล้ว ก็ถึงคราวมาดูกันแล้วว่าคลีนเซอร์นั้นมีแบบใดบ้าง และเนื้อสัมผัสแต่ละแบบนั้นแตกต่างกันอย่างไร มีข้อดี ข้อเสีย หรือแต่ละเนื้อคลีนเซอร์เหมาะกับสภาพผิวแบบไหน เพื่อจะได้เลือกใช้คลีนเซอร์ได้อย่างเหมาะสม

 

คลีนเซอร์แบบโฟม (Foam Cleanser)

คลีนเซอร์แบบโฟม มีส่วนผสมของสารลดแรงตึงผิวส่งผลให้เมื่อสัมผัสกับโฟมล้างหน้า จะมีการสูญเสียน้ำมันธรรมชาติบนผิว และความชุ่มชื้นบนผิวลดน้อยลง ดังนั้นโฟมล้างหน้าจึงเหมาะกับผู้ที่มีผิวมัน ผิวผสม เพราะสามารถช่วยลดน้ำมันส่วนเกินบนใบหน้าได้อย่างดี ช่วยเรื่องการลดแนวโน้มเป็นสิวอุดตันจากการอุดตันของน้ำมันนใบหน้าได้

ในทางตรงกันข้ามหากผู้ที่มีผิวแห้ง มาใช้โฟมล้างหน้าอาจจะยิ่งทำให้ผิวแห้งยิ่งขึ้น ดังนั้นแนะนำให้ใช้เป็นเจลล้างหน้า หรือผลิตภัณฑ์ลักษณะอื่นแทน หรือจะต้องเลือกดูโฟมล้างหน้าที่เป็นสูตรที่อ่อนโยน และเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว

และที่สำคัญควรเลือกดูโฟมล้างหน้าที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ พาราเบน หรือน้ำหอม เพื่อไม่ให้เกิดอาการแพ้ และสร้างความระคายเคืองต่อผิว

 

คลีนเซอร์แบบเจล  (Gel Cleanser)

คลีนเซอร์แบบเจล หรือเจลล้างหน้า เป็นผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีเนื้อสัมผัสเป็นเจลใส ไม่มีสี อ่อนโยน ไม่ทำร้ายผิว เหมาะกับผู้ใช้ทุกสภาพผิว รวมถึงผู้ที่มีผิวบอบบาง หรือผิวแห้ง ก็ไม่ทำให้ผิวระคายเคือง และสูญเสียน้ำในผิวไป

เพราะว่าเจลล้างหน้ามีส่วนผสมของแรงตึงผิวน้อย ทำให้ผิวยังสามารถกักเก็บความชุ่มชื้นและน้ำมันธรรมชาติบนผิวได้ ไม่ทำให้ผิวแห้งตึง หรือลูบผิวแล้วแห้งเอี๊ยดหลังล้างหน้าเสร็จ นอกจากที่ขจัดความสกปรกบนผิวหน้าออกไปได้หมดแล้ว ยังช่วยรัษาสมดุลของน้ำมันและน้ำในผิวอีกด้วย

 

คลีนเซอร์แบบครีม  (Cream Cleanser)

ผู้ที่มีผิวแห้ง ผิวขาดน้ำ หรือผู้ที่ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวตั้งแต่ขั้นตอนการทำความสะอาดผิว ทำให้ผิวหน้าชุ่มชื้น ตั้งแต่ขั้นตอนการทำความสะอาดผิวหน้า และไม่ทำให้ผิวหน้าแห้งตั้งแต่ผิวระดับภายในและภายนอก ไม่รู้สึกฝืดขณะล้าง ไม่ทำให้ผิวเกิดการเสียดสีกับฝ่ามือมากเกินไป

เนื่องจากคลีนเซอร์เนื้อครีม อุดมไปด้วยส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น จากน้ำมันสกัดจากธรรมชาติเข้มข้น มอบผลลัพธ์ให้ผิวชุ่มชื้นยาวนาน ตลอดทั้งวัน ไม่ทำให้ผิวแห้ง พร้อมช่วยเสริมประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอื่น ๆ สามารถบำรุงผิวได้อย่างล้ำลึกขึ้นด้วยการบำรุงผิวที่เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนกาล้างหน้า

การทำงานของคลีนเซอร์ 

ผลิตภัณฑ์คลีนเซอร์ประกอบไปด้วยส่วนผสมของแรงตึงผิว ส่วนประกอบเคมี หรือส่วนประกอบธรรมชาติ ที่มีฤทธิ์ในการขจัดสิ่งสกปรก น้ำมัน เครื่องสำอาง ครีมกันแดด ให้หลุดลอกออกไปจากผิว 

เมื่ออ่านถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะสงสัยว่างั้น ในเมื่อมีหน้าที่ทำความสะอาดเช่นเดียวกัน แล้วเราจะสามารถใช้สบู่ในการทำความสะอาดผิวหน้าได้หรือไม่

คำตอบ คือ คงจะดีกว่าหากเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าโดยเฉพาะ สำหรับการทำความสะอาดผิวหน้า เพราะคลีนเซอร์ถูกพัฒนาสูตร และคัดสรรส่วนผสมที่บรรจุอยู่ในคลีนเซอร์ ผลิตขึ้นมาเฉพาะสำหรับผิวหน้า และไม่ได้บรรจุส่วนประกอบเคมีที่รุนแแรงเหมือนกับในสบู่ ที่มีฤทธิ์ทำให้ผิวแห้งขึ้นได้ และสร้างความระคายเคืองให้กับผิว

เลือกคลีนเซอร์อย่างไรดี

ผิวแต่ละสภาพผิวมีลักษณะผิวที่แตกต่างกันไป ทำให้ผิวแต่ละประเภทก็เหมาะกับการใช้ผลิตภัณฑ์อย่างคลีนเซอร์แตกต่างกันไปตามแต่จุดประสงค์ในการใช้ขจัดปัญหาผิวของแต่ละสภาพผิว 

 

1.ผิวปกติ (Normal Skin)

ผู้ที่มีผิวธรรมดา เป็นผิวที่มีความสมดุลของน้ำมัน และน้ำในผิวค่อนข้างดี ทำให้ผิวไม่แห้งไป และมันไป ทำให้สามารถเลือกใช้คลีนเซอร์สูตรใดก็ได้ตามความกังวลใจในปัญหาผิวนั้น ๆ ของผู้ใช้ แต่แนะนำในระดับพื้นฐานควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำความสะอาด อย่างอ่อนโยน ไม่ทำให้ผิวระคายเคือง เพื่อลดการเกิดปัญหาผิวอื่น ๆ ตามมา

หรือเน้นไปที่การบำรุงให้ชุ่มชื้น เพราะเป็นพื้นฐานที่จะทำให้ผิวแข็งแรง แลดูสุขภาพดี โดยอาจจะเลือกใช้เป็นผลิตภัณฑ์คลีนเซอร์ประเภทออยล์ ครีม หรือไมเซลล่า วอเจอร์ก็ได้ แต่ควรเลือกดูผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ กรดไฮยาลูรอน (Hyaluronic Acid) ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น กักเก็บน้ำในผิว ผิวดูเปล่งปลั่ง สุขภาพดี

 

2.ผิวผสม (Combination Skin)

ผู้ที่มีผิวผสม เป็นผิวที่มีลักษณะอยู่ระหว่างผิวมัน และผิวแห้ง โดยในบริเวณทีโซน (T - Zone) ได้แก่ หน้าผาก จมูก และคาง จะมีความมันจากน้ำมันส่วนเกินมาก เพราะเป็นบริเวณที่ผิวมีต่อมไขมันมาก

กลับกันในทางตรงกันข้ามบริเวณข้างแก้มทั้งสองข้าง ผิวจะมีลักษณะแห้ง จึงแนะนำให้ผู้ที่มีผิวแบบผสมเลือกใช้คลีนเซอร์ ประเภทเจลล้างหน้า หรือครีมล้างหน้า เพื่อสามารถทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างหมดจด แต่ยังคงความชุ่มชื้นให้กับผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ที่บรรจุอยู่ภายในผลิตภัณฑ์

และอาจจะมองหาคลีนเซอร์ที่มีส่วนผสมของ กรดผลไม้ (Glycolic Acid) หรือ กรดแลคติก (Lactic Acid) ที่พบในผลไม้ตามธรรมชาติ จะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายไปแล้วให้หลุดออก กระตุ้นการเกิดเซลล์ผิวใหม่อย่างอ่อนโยน

 

3.ผิวเป็นสิวง่ายและผิวมัน (Acne-Prone/Oily Skin)

ผิวเป็นสิวง่าย และผิวมัน มักจะเป็นผิวที่ประสบกับปัญหารูขุมขนกว้าง และน้ำมันส่วนเกินบนผิวมาก จากการผลิตน้ำมันของต่อมไขมันใต้ผิวหนังที่มีจำนวนมาก จึงง่ายต่อการเกิดปัญหาสิวต่าง ๆ

ในการเลือกใช้คลีนเซอร์จึงเน้นไปที่การกำจัดน้ำมันส่วนเกินบนใบหน้า จึงแนะนำเป็นคลีนเซอร์ชนิดโฟม เพราะมีสารตึงผิวมาก จะทำให้ผิวแห้งลง และเลือกโฟมล้างหน้าที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้ (Glycolic Acid) และ กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) 

หรือที่เรารู้จักในชื่อที่คุ้นชินว่า กรด AHA และ BHA กรดทั้งสองมีคุณสมบัติในการรักษาปัญหาสิว โดยขจัดผิวหนังชั้นนอก และน้ำมันส่วนเกิน พร้อมทั้งสิ่งสกปรกออกไป เพื่อลดโอกาสการอุดตัน ลดขนาดของรูขุมขนลง และยังช่วยปลอบประโลมผิวที่อาจเกิดรอยแดงหรือการระคายเคืองได้

 

4.ผิวแห้ง (Dry/Sensitive Skin)

ผู้ที่มีผิวแห้งมักจะมีรูขุมขนเล็ก และต่อมไขมันใต้ผิวหนังน้อย ทำให้น้ำมัน ความชุ่มชื้นบนผิวหน้าน้อย จึงมีโอกาสที่ผิวจะลอกเป็นขุยได้ 

ดังนั้น หากใช้คลีนเซอร์ที่มีสารทำความสะอาดผิวที่รุนแรงจะทำให้ผิวยิ่งแห้ง สูญเสียน้ำในผิว ทำให้ผิวแห้ง ระคายเคืองได้ง่าย และยังทำให้ผิวคัน หากเกาก็จะยิ่งทำให้ผิวเห่อแดง เป็นแผลได้

คลีนเซอร์ที่เหมาะกับคนผิวแห้ง ควรมีส่วนผสมของกรดไฮยาลูรอน (Hyaluronic Acid) และ Glycerin เพราะเป็นสารที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ในผิว และกรดไฮยาลูรอนสามารถอุ้มน้ำได้ถึง 1,000 เท่าของน้ำหนักตัวสาร จึงแนะนำให้เลือกดูเป็นคลีนเซอร์ประเภทไมเซลล่า วอเตอร์ หรือคลีนเซอร์ประเภทเนื้อครีม ที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ประกอบอยู่

ในการทำความสะอาดผิวหน้านั้นไม่ได้แค่เพียงทำความสะอาดหน้าเฉย ๆ เท่านั้น มีขั้นตอนในการทำความสะอาดผิวที่ละเอียดอ่อนมากกว่าที่ใครหลาย ๆ คนคิด ลองมาดูวิธีทำความสะอาดผิวหน้าให้ถูกต้อง

  • ขั้นตอนแรกทีเริ่มต้นที่ล้างมือให้สะอาดก่อน เพราะเราจำเป็นต้องใช้มือในการลูบทำความสะอาดผิวหน้า
     
  • ใช้อายรีมูฟเวอร์เช็ดเมคอัพกันน้ำรอบดวงตาและริมฝีปาก จากนั้นใช้คลีนซิ่งเช็ดทั่วใบหน้า โดยเน้นไปในบริเวณที่แต่งหน้า และทาครีมกันแดดเป็นหลักเพื่อให้คราบสิ่งสกปรกต่าง ๆ หลุดลอกออกมา และจึงล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มขั้นตอนทำความสะอาดถัดไป
     
  • ใช้น้ำอุณหภูมิธรรมดา หรืออุ่นนิด ๆ ล้างไปพร้อมกับคลีนเซอร์ และนวดวนเบา ๆ ตามแนวรูขุมขน ประมาณ 15 - 20 วินาที เพื่อขจัสิ่งสกปรกให้หลุดออก และเป็นการกระตุ้นระบบน้ำเหลือง
     
  • ไม่ควรขัด ถูใบหน้ารุนแรง ทำความสะอาดเพียงแค่เบา ๆ ก็เพียงพอ เพราะในตัวคลีนเซอร์บรรจุสารทำความสะอาดไว้ในตอนอยู่แล้ว 
     
  • หลังจากล้างหน้าด้วยคลีนเซอร์เสร็จเรียบร้อย จึงล้างหน้าตามด้วยน้ำสะอาด
     
  • แล้วจึงตามด้วยการเช็ดด้วยโทนเนอร์ทันที เพื่อให้ระหว่างนี้ฝุ่นละอองไม่เข้ามาเกราะบนผิวหน้า และเป็นการรีเช็คอีกทีว่าไม่มีสิ่งสกปรกตกค้างบนใบหน้า และเป็นการเตรียมพร้อมก่อนที่จะบำรุงผิวด้วยเซรั่ม และครีมบำรุงในขั้นตอนต่อไป
 วิธีใช้คลีนเซอร์ อย่างถูกวิธี

คลีนเซอร์ กับคลีนซิ่งเป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าในหมวดเดียวกันทั้งคู่ จึงใช้ในขั้นตอนขณะล้างหน้าด้วยกันทั้งคู่ โดยใช้คลีนซิ่งเป็นตัวแรกในขั้นตอนการทำความสะอาด เพราะทำหน้าที่ขจัดคราบสิ่งสกปรก เครื่องสำอาง และครีมกันแดด

ส่วนคลีนเซอร์ คือ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ใช้เป็นตัวถัดมาจากคลีนซิ่งในการทำความสะอาดผิวหน้า เพื่อทำความสะอาดสิ่งสกปรกบนผิวหน้าอย่างล้ำลึก สะอาดหมดจด

จำเป็น เพราะในยุคปัจจุบันที่มีมลภาวะอยู่รอบตัวเราในชีวิตประจำวัน การล้างหน้าด้วยเพียงแค่น้ำเปล่าคงไม่เพียงพอ เพราะน้ำเปล่าไม่สามารถขจัดน้ำมันบนใบหน้าได้ 

น้ำเมื่อเจอกับน้ำมันจะแยกชั้นกัน แต่หากใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหน้าโดยเฉพาะอย่างคลีนซิ่ง และคลีนเซอร์จะเข้าไปขจัดน้ำมันได้ พร้อมไม่สร้างความระคายเคืองให้กับผิวอย่างสบู่ เพราะถูกพัฒนาสูตรขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับผิวหน้า

การใช้คลีนซิ่งนั้นไม่ได้จำกัดเวลาในการใช้ หากรู้สึกว่าผิวหน้าสกปรกต้องการทำความสะอาดอย่างล้ำลึก หลายขั้นตอน การใช้คลีนซิ่งทำความสะอาดก็สามารถใช้ได้

หากสงสัยว่าแล้วถ้าไม่ได้แต่งหน้า และเข้านอนอยู่ในบ้านเพียงเท่านั้น แล้วตื่นเช้ามายังจำเป็นต้องทำความสะอาดด้วยคลีนซิ่งอยู่อีกหรือไม่ 

คำตอบก็คือ สามารถใช้คลีนซิ่งได้ เพราะในอากาศถึงแม้จะเป็นภายในบ้านก็มีฝุ่นล่องลอยอยู่ รวมถึงน้ำมันบนผิวหน้าของเราก็ผลิตออกมาตลอดเวลาเช่นกัน รวมถึงคราบครีมบำรุงต่าง ๆ ที่เกาะอยู่บนผิวหน้าด้วยเช่นกัน

โทนเนอร์นอกจากจะช่วยปรับค่า pH ของผิวให้เป็นกลางแล้ว โทนเนอร์ยังมีหน้าที่ในการในการเตรียมผิวให้ชุ่มชื้น พร้อมรับการบำรุงในขันตอนถัดไปด้วย จึงไม่จำเป็นต้องล้างออก เพราะโมเลกุลเล็ก ๆ ของโทนเนอร์จะช่วยนำพาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่ทาลงมาบนผิวตัวถัด ๆ มา ซึมลงสู่ผิวได้อย่างล้ำลึกมากขึ้น

BIODERMA Sensibio Gel moussant เจลล้างหน้าไมเซล่า สูตรอ่อนโยนแม้ผิวแพ้ง่าย

คลีนเซอร์แบบล้างออก

ผิวแพ้ง่าย

สิทธิบัตร D.A.F.

Sensibio Gel moussant

เจลล้างหน้าไมเซล่าสูตรอ่อนโยนแม้ผิวแพ้ง่าย

สำหรับใคร

ผู้ใหญ่, วัยรุ่น

BIODERMA Sensibio H2O คลีนซิ่งไมเซล่า วอเตอร์

คลีนเซอร์แบบไม่ต้องล้างออก

ผิวแพ้ง่าย ผิวธรรมดา

เทคโนโลยี ไมเซล่า

Sensibio H2O

The original Cleansing Micellar Water. Soothes and respects the skin's balance.

คลีนซิ่งไมเซล่า วอเตอร์ (Micellar Water) ปลอบประโลมผิวแพ้ระคายและไม่ทำลายสมดุลของผิว

สำหรับใคร

ผู้ใหญ่, วัยรุ่น

BIODERMA Hydrabio Tonique โลชั่นโทนเนอร์ มอบความชุ่มชื้นให้ผิวแห้งขาดน้ำ

บำรุงผิวได้ทุกวัน

ผิวแพ้ง่าย

สิทธิบัตร D.A.F.

Sensibio Tonique

โทนเนอร์ปลอบประโลมผิว และให้ความชุ่มชื้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลผิว

สำหรับใคร

ผู้ใหญ่, วัยรุ่น