Key Takeaway

  • สิวเป็นไตคือสิวอุดตันชนิดหนึ่งที่มักพบบริเวณหน้าผากและคาง แต่บางครั้งก็เกิดที่หลังได้ด้วย ลักษณะเด่นคือไม่มีหัวสิว ทำให้รักษายากและมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำสูง หากไม่ดูแลอย่างถูกวิธี อาจลุกลามเป็นสิวอักเสบ แดง เจ็บ และสร้างความเสียหายต่อผิวได้ง่ายขึ้น
  • รักษาสิวไตด้วยผลิตภัณฑ์อ่อนโยนลดการอุดตัน ควบคุมความมัน ใช้ยาละลายสิวอุดตัน หรือปรึกษาแพทย์ทำเลเซอร์และหัตถการเฉพาะทาง
  • ลดโอกาสเกิดสิวหัวไตด้วยการทำความสะอาดผิวอย่างสม่ำเสมอ ใช้ผลิตภัณฑ์สูตรอ่อนโยน ไม่บีบสิว และควบคุมความมันบนใบหน้า

 

สิวเป็นไตหรือสิวไม่มีหัว เป็นปัญหาสิวอุดตันที่หลายคนรักษาให้หายยาก ทำให้เกิดตุ่มแข็งใต้ผิวหน้า วันนี้เรามาดูกันว่า สิวไตคืออะไร ลักษณะเป็นอย่างไร สาเหตุเกิดจากอะไร และวิธีจัดการให้สิวแข็งเป็นไตหายขาด ป้องกันไม่ให้กลับมา


สิวเป็นไตคืออะไร ต่างจากสิวทั่วไปอย่างไร

สิวเป็นไตคือสิวอุดตันชนิดหนึ่ง มักพบบริเวณหน้าผากและคาง แต่ในบางรายอาจเกิดเป็นสิวที่หลังได้เช่นกัน สิวเป็นไตจะไม่มีหัว เป็นสิวที่หายยากและมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำสูง หากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม อาจเกิดการอักเสบ แดง เจ็บ และพัฒนากลายเป็นสิวอักเสบได้

สิวไตเกิดจากอะไร รู้จักกับสาเหตุก่อนเป็นปัญหาเรื้อรัง

โดยส่วนใหญ่ สิวไตเกิดจากการอุดตันของรูขุมขน โดยมีไขมัน เซลล์ผิวที่ตายแล้ว และสิ่งสกปรกสะสมภายใน ทำให้เกิดการอุดตันและพัฒนากลายเป็นสิว นอกจากนี้ สิวเป็นไตยังสามารถเกิดจากปัจจัยภายในและภายนอก ดังนี้

 

ปัจจัยภายใน

ปัจจัยภายในที่ส่งผลต่อการเกิดสิวเป็นไต มีส่วนกระตุ้นให้การทำงานของต่อไขมันผิดปกติและก่อให้เกิดการอุดตันง่ายขึ้น ซึ่งได้แก่

  • ความเครียดและความกดดันทางจิตใจ
  • การเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมน โดยเฉพาะวัยรุ่นหรือผู้หญิงช่วงมีประจำเดือน
  • ปัจจัยทางกรรมพันธุ์ที่มีแนวโน้มเกิดสิวง่าย

 

ปัจจัยภายนอก

นอกจากปัจจัยภายในแล้ว ปัจจัยภายนอกก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดสิวเป็นไตได้เช่นกัน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้สามารถกระตุ้นให้ผิวเกิดการอักเสบตามมาได้

  • การรับประทานอาหารที่มีแป้ง ไขมัน และน้ำตาลสูง
  • การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ
  • การใช้เครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมกับผิว
  • การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาคุมกำเนิด หรือยาสเตียรอยด์
  • การสูบบุหรี่หรือสารพิษจากควันบุหรี่
  • การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่อาจอุดตันรูขุมขน ทำให้เกิดสิวอุดตัน

 

สิวเป็นไตควรบีบไหม?

ไม่ควรบีบสิวเป็นไตเอง เพราะสิวชนิดนี้ไม่มีหัว หากบีบหรือเค้น อาจทำให้ผิวอักเสบมากขึ้น เกิดรอยแดง รอยแผล หรือพัฒนากลายเป็นสิวอักเสบได้ การรักษาควรใช้วิธีที่เหมาะสม เช่น ผลิตภัณฑ์ลดโอกาสเกิดสิวอุดตัน หรือปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านผิวหนังโดยตรง

เจาะสิวไตเองได้ไหม?

ไม่ควรเจาะสิวไตเอง เพราะสิวชนิดนี้อยู่ลึกใต้ผิวและไม่มีหัว หากฝืนเจาะหรือบีบเอง อาจทำให้เกิดการอักเสบรุนแรง แผลติดเชื้อ บวมแดง หรือกลายเป็นหนองได้ อีกทั้งยังเสี่ยงทิ้งรอยแผลเป็นหรือรอยดำถาวร นอกจากนี้ยังอาจทำให้เชื้อแบคทีเรียแพร่กระจายไปยังผิวบริเวณอื่นจนสิวลุกลามมากขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการกดหรือสัมผัสสิวบ่อยๆ และให้แพทย์ผิวหนังเป็นผู้รักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม

 

สิวเป็นไตหายเองได้ไหม ใช้เวลาเท่าไรถึงหาย?

สิวแข็งเป็นไตมักหายเองได้ช้า เพราะเป็นสิวอุดตันที่อยู่ลึกใต้ผิว การปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมอาจทำให้สิวหัวไตอยู่ได้นานหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือน แนะนำใช้วิธีรักษาที่ถูกต้องร่วมกับการป้องกัน เพื่อให้สิวค่อยๆ ยุบและลดโอกาสเกิดซ้ำ

วิธีการรักษาสิวเป็นไต 

วิธีการรักษาสิวเป็นไตควรเน้นการดูแลอย่างถูกวิธี เพื่อจัดการสิวอย่างตรงจุด ลดการอักเสบ และป้องกันรอยแผล สามารถทำได้ดังนี้

 

ใช้ยาลดสิวอุดตัน

สำหรับการรักษาสิวเป็นไต สามารถใช้วิธีต่างๆ เช่น ยาลดสิวอุดตันเพื่อช่วยละลายไขมันและสิ่งอุดตันในรูขุมขน การทากรดอย่างกรด AHA ช่วยให้สิวยุบลง และการใช้วิตามินเอเพื่อกระตุ้นลดการอุดตันของรูขุมขน หากสิวเป็นไตมีอาการรุนแรง แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาเพื่อลดความเสี่ยงของรอยแผลเป็น

 

ใช้ยาช่วยลดความมันบนใบหน้า

แนะนำให้ใช้ยาที่ช่วยลดปัญหาหน้ามันเพื่อลดการอุดตันของรูขุมขน รวมถึงยาที่มีส่วนผสมของกรดกำมะถัน กรดซาลิไซลิก (Salicylic acid) รีซอร์ซินอล (Resorcinol) และเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) เพื่อรักษาสิวเป็นไต โดยควรเลือกเป็นเนื้อเจลเพื่อให้ซึมลึกเข้าไปในสิวหัวไตที่อุดตันได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพ

 

ฉีดยารักษาสิวเป็นไต 

การฉีดสิวที่เป็นไตเป็นวิธีรักษาที่ได้ผลรวดเร็วและตรงจุด โดยใช้ยาชนิด Triamcinolone ซึ่งออกฤทธิ์ลดการอักเสบ บรรเทาอาการบวมและเจ็บ ทำให้สิวยุบได้ภายใน 8 ชั่วโมง เหมาะสำหรับผู้ที่มีสิวเป็นไตขนาดใหญ่และเจ็บมาก แต่ไม่เหมาะกับผู้ที่มีสิวจำนวนมาก

 

ลอกผลัดเซลล์ผิว

การลอกผลัดเซลล์ผิว (Chemical Peeling) เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยรักษาสิวหัวไต โดยใช้กรดชนิดต่างๆ เช่น กรดซาลิไซลิก กรดแล็กทิก (Lactic acid) หรือ กรดไกลโคลิก (Glycolic acid) ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ลดการอุดตัน และทำให้สิวค่อยๆ แลดูลดลง แต่ต้องใช้ในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงอาการข้างเคียงที่รุนแรง

 

ปรึกษากับแพทย์ผิวหนัง

การปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยรักษาสิวเป็นไตได้รวดเร็วและตรงจุดกว่าการปล่อยให้สิวหัวไตพัฒนาเป็นสิวอักเสบ เพราะแพทย์สามารถวินิจฉัยสภาพผิวและหาสาเหตุการเกิดสิวเป็นไตได้อย่างแม่นยำ จากนั้นจึงแนะนำวิธีรักษา ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว และยาที่เหมาะสมกับสภาพผิวของเรา เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ

 

เลเซอร์รักษาสิวเป็นไต

นอกจากหลายๆ วิธีในการรักษาสิวเป็นไต รู้หรือไม่? ว่าสิวเป็นไตรักษาได้ด้วยเลเซอร์หรือ Laser Therapy ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เห็นผลเร็วกว่าการใช้ยาทาเฉพาะที่ แม้ว่าวิธีนี้จะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า แต่ช่วยให้สิวเป็นไตยุบได้เร็ว บางรายหายได้ในชั่วข้ามคืน หรือใช้ในกรณีที่การทายาไม่เห็นผล 

เลเซอร์ที่ใช้รักษา เช่น CO₂ Laser ช่วยเปิดทางออกของต่อมไขมัน ลดโอกาสเกิดอุดตัน รอยแดง รอยดำ และหลุมสิวจากสิวไตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

แนวทางลดโอกาสเกิดสิวเป็นไต

เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสิวเป็นไตควรดูแลผิวหน้าอย่างสม่ำเสมอ รักษาความสะอาด ลดปัญหาความมัน และหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นต่างๆ แนวทางลดโอกาสเกิดสิวเป็นไต ได้แก่

ล้างเครื่องสำอางออกให้สะอาด

ในขั้นตอนแรก ควรล้างเครื่องสำอางบนใบหน้าออกให้สะอาดหมดจด เพราะหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวเป็นไตคือการอุดตันของเครื่องสำอางบนใบหน้า หรือหากคุณเป็นคนที่ไม่ได้ใช้เครื่องสำอาง ครีมกันแดดในชีวิตประจำวันก็สามารถทิ้งคราบสกปรกไว้บนใบหน้าได้เช่นเดียวกัน จึงควรใช้คลีนซิ่งทำความสะอาดหน้าให้หมดจด 

Bioderma Sebium H2O เป็นคลีนซิ่ง ไบโอมิเมติก ไมเซล่าวอเตอร์ ที่มีโครงสร้างคล้ายคลึงกับผิว ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างอ่อนโยน ขจัดคราบสกปรกได้อย่างล้ำลึก และยังมีส่วนประกอบของ Copper Sulfate และ Zinc gluconate ช่วยคุมความมันและลดโอกาสเกิดแบคทีเรีย C.acnes บนใบหน้าที่เป็นต้นเหตุของการเกิดสิวอักเสบ เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย เป็นสิวง่าย ผิวมัน และผิวผส

ใช้เจลล้างหน้าที่มีส่วนผสมอ่อนโยน

หลังจากใช้คลีนซิ่งทำความสะอาดหน้าแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือการล้างหน้าด้วยเจลล้างหน้าที่อ่อนโยนต่อผิว เนื้อเจลใส ฟองไม่มากเมื่อผสมน้ำ ด้วยสารลดแรงตึงผิวอย่าง Decyl Glucoside ที่อ่อนโยนต่อผิว ช่วยขจัดสิ่งสกปรกได้อย่างสะอาดหมดจด ลดการระคายผิว 

Bioderma Sebium Gel Moussant ประกอบด้วย Copper Zinc Complex ช่วยลดโอกาสเกิดแบคทีเรียและควบคุมความมันซึ่งเป็นสาเหตุของสิว Ginkgo Biloba Leaf Extract ลดการอักเสบของสิว และ DAF PATENTED COMPLEX ช่วยเสริมความแข็งแรงและลดการระคายผิว เจลล้างหน้านี้ปราศจากแอลกอฮอล์และพาราเบน ไม่ก่อการอุดตัน เหมาะกับผิวแพ้ง่าย เป็นสิวง่าย ผิวมัน และผิวผสม ทำความสะอาดได้ล้ำลึก แต่อ่อนโยน แม้บริเวณรอบดวงตาที่บอบบาง

ใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและเหมาะกับสภาพผิว

หลังจากล้างหน้าเรียบร้อยแล้ว ก่อนทาเซรั่มหรือครีมบำรุงผิวควรใช้โทนเนอร์เพื่อเตรียมผิวให้ชุ่มชื้น เติมน้ำ ฟื้นบำรุงสมดุลค่า pH และช่วยให้การดูแลสิวเป็นไตมีประสิทธิภาพมากขึ้น ควรเลือกโทนเนอร์ให้เหมาะกับสภาพผิวเพื่อผลลัพธ์ที่ดี 

Bioderma Sebium Lotion เป็นโทนเนอร์น้ำคุมมันที่มี Glycerin ช่วยเก็บความชุ่มชื้นนาน 8 ชั่วโมง Agaric acid สารสกัดจากเห็ด ช่วยกระชับรูขุมขนถึง 54% ลดโอกาสเกิดสิวเป็นไต และมี Zinc และ Vitamin B6 ช่วยควบคุมความมัน เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวมัน 

นอกจากนี้ ควรเลือกใช้ Bioderma Sebium Pore Refiner ครีมบำรุงผิวสูตรอ่อนโยน ที่ไม่ก่อให้เกิดสิวอุดตัน ช่วยควบคุมการผลิตน้ำมันจากต่อมไขมันใต้ผิว (Sebum) ป้องกันรูขุมขนอุดตันและการเกิดสิว โดยมีส่วนผสมสำคัญ เช่น Agaric acid ช่วยกระชับผิวและปรับผิวให้เรียบเนียน พร้อม Mattifying Powder ที่ควบคุมความมัน ลดความมันเงา ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและเปล่งปลั่งตามธรรมชาติ

 

ไม่บีบ แคะ แกะสิว หรือสัมผัสบริเวณที่เป็นสิวบ่อย

นอกเหนือจากการทำความสะอาดและดูแลผิวอย่างถูกวิธีแล้ว สิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลยคืองดบีบ แคะ หรือแกะสิว และหลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่เป็นสิวบ่อยๆ เพราะจะทำให้สิวอุดตันรุนแรงขึ้นจนเกิดการอักเสบ หรือแม้สิวเป็นไตหายแล้ว การจับหน้าบ่อยๆ ก็อาจทำให้คราบสกปรกสะสม กลับมาทำให้เกิดสิวเป็นไตซ้ำได้ ดังนั้น แม้จะอยากสัมผัสหรือบีบสิวแค่ไหน ก็ควรปล่อยให้มืออยู่ห่างจากใบหน้าเพื่อป้องกันการเกิดสิวไตใต้ผิวซ้ำอีกครั้ง

 

สรุป

สิวเป็นไตเป็นสิวอุดตันที่ฝังลึกใต้ผิว ไม่มีหัว แข็ง เจ็บ และรักษายาก มักเกิดจากฮอร์โมน ความเครียด หรือการอุดตันของรูขุมขน การบีบสิวเองอาจทำให้เกิดการอักเสบหรือรอยแผล การรักษาควรใช้ผลิตภัณฑ์อ่อนโยนที่ช่วยลดการอุดตันและควบคุมความมัน พร้อมดูแลผิวให้สะอาดอยู่เสมอเพื่อลดโอกาสเกิดซ้ำ 

นอกจากนี้ การปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดยังช่วยให้สิวเป็นไตหายเร็วขึ้นและป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำอีกด้วย

 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสิวเป็นไต (FAQ)

มาเรียนรู้และทำความเข้าใจกับสิวเป็นไตให้มากขึ้น เพื่อให้สามารถดูแล รักษา และป้องกันอย่างถูกต้อง ลดโอกาสเกิดซ้ำและหลีกเลี่ยงรอยแผลบนผิวหน้า

 

สิวไตเป็นกี่วันหาย?

สิวเป็นไตมักหายช้า ต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือน ขึ้นอยู่กับความรุนแรงและวิธีการรักษาอย่างถูกต้อง เนื่องจากสิวชนิดนี้อยู่ลึกใต้ผิว ทำให้การดูแลทั่วไปอย่างการทายาหรือใช้สกินแคร์อาจได้ผลช้ากว่าสิวประเภทอื่น หากรักษาไม่ถูกวิธีอาจเสี่ยงทิ้งรอยดำหรือรอยแผลเป็นถาวรได้

 

บริเวณใดที่มักเป็นสิวไต?

สิวเป็นไตมักเกิดบริเวณหน้าผาก คาง และบางรายอาจเกิดที่หลัง หน้าอก ไหล่ หรือส่วนอื่นของร่างกายที่มีต่อมไขมันมาก เนื่องจากบริเวณเหล่านี้มีการผลิตน้ำมันสูง ทำให้รูขุมขนอุดตันง่ายและเกิดการอักเสบลึกใต้ผิว

 

สิวเป็นไตต่างจากสิวหัวช้างอย่างไร?

สิวเป็นไตเป็นสิวอุดตันฝังลึกใต้ผิว ไม่มีหัว แข็งและเจ็บ ส่วนสิวหัวช้างเป็นสิวอักเสบรุนแรง ขนาดใหญ่ มีเลือดหรือหนองด้านใน และรักษายากกว่า อีกทั้งยังใช้เวลานานกว่าจะหาย และมีโอกาสทิ้งรอยแผลเป็นหรือรอยดำได้สูง หากกดหรือเจาะเองอาจทำให้การอักเสบรุนแรงขึ้นและเชื้อแพร่กระจาย

Bioderma ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มซีเบี่ยม

ทำความสะอาดและบำรุงผิว

ผิวผสมถึงผิวเป็นสิวง่าย

ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มซีเบี่ยม (Sébium)

Bioderma ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มซีเบี่ยม

ผิวจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เนื่องจากผิวจะมีความหนามากขึ้น มันเงา เกิดสิวอักเสบเป็นจุดมากน้อยแตกต่างกันไป และบางครั้งก็ยังคงเป็นเช่นนั้นต่อเนื่องไปจนถึงวัยผู้ใหญ่อีกด้วย

ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มซีเบี่ยม (Sébium) เป็นผลิตภัณฑ์ที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อผิวมันและเป็นสิวง่ายโดยเฉพาะ
ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มซีเบี่ยม (Sébium) มีผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและดูแลผิวที่แพทย์ผิวหนังแนะนำโดยเฉพาะ ทั้งผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าสำหรับผิวมัน อย่างเจลล้างหน้าและไมเซล่า วอเตอร์ มอยส์เจอไรเซอร์สำหรับผิวเป็นสิวง่าย และอื่นๆ อีกมากมาย เลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวประจำวันให้ตัวคุณเลย!