วิธีการดูแลผิว
เป็นสิวที่หลังต้องรักษาอย่างไร พร้อมเคล็ดลับป้องกันเพื่อผิวที่เรียบเนียน
สิวที่หลังเกิดจากเหงื่อสะสมหรือรูขุมขนอุดตัน การรักษาคือใช้ผลิตภัณฑ์ช่วยการอักเสบ ส่วนการป้องกันควรรักษาความสะอาดหลังออกกำลังกายและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน
วิธีการดูแลผิว
สิวที่หลังเกิดจากเหงื่อสะสมหรือรูขุมขนอุดตัน การรักษาคือใช้ผลิตภัณฑ์ช่วยการอักเสบ ส่วนการป้องกันควรรักษาความสะอาดหลังออกกำลังกายและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน
Key Takeaway
สิวที่หลังเป็นปัญหาที่หลายๆ คนต้องเจอ อาจทำให้ขาดความมั่นใจได้เมื่อต้องใส่เสื้อผ้าที่เห็นผิวด้านหลัง หากไม่รักษาอาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตาม สิวที่หลังสามารถรักษาได้ด้วยวิธีต่างๆ และดูแลตัวเองให้เหมาะสม ไปทำความรู้จักกับสาเหตุและวิธีการรักษาที่ได้ผล พร้อมแนะนำการดูแลผิวหลังเพื่อจัดการปัญหานี้กัน!
สิวที่หลัง (Back Acne หรือ Bacne) คือลักษณะของสิวที่ขึ้นบริเวณหลัง โดยมักจะเป็นสิวประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวผดที่หลัง เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่การเป็นสิวที่หลังเกิดจากหลายๆ สาเหตุทั้งฮอร์โมน ความเครียด แพ้ไรฝุ่น สิ่งสกปรกต่างๆ จนทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน
ผู้ที่แพ้เหงื่อตัวเองก็มีส่วนทำให้สิวขึ้นหลังได้ ทำให้สิวของแต่ละคนมีความรุนแรงที่แตกต่างกันออกไป บางคนอาจมีสิวขึ้นที่หลังมาก บางคนอาจขึ้นที่หลังน้อย ในบางกรณีผู้ที่เป็นสิวที่หลังมักจะมีสิวบริเวณที่ใกล้เคียงร่วมด้วย เช่น สิวที่หน้าอก และสิวที่หัวไหล่ เป็นต้น
หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าการเกิดสิวทุกประเภทนั้นเป็นเพราะไม่ดูแลความสะอาดให้ดีพอ แต่จริงๆ แล้วการเกิดสิวมีปัจจัยหลายอย่าง สิวที่หลังก็เช่นกัน ก่อนจะไปดูรายละเอียดอื่นๆ เกี่ยวกับสิวที่หลัง เรามาดูสาเหตุกันก่อนว่าสาเหตุสิวที่หลังเกิดจากอะไรบ้าง
ปัจจัยภายในร่างกายถือเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวที่หลัง ซึ่งแต่ละคนที่เป็นสิวที่หลังอาจเกิดจากปัจจัยใดปัจจัยหนึ่ง เช่น
นอกจากปัจจัยภายในแล้ว ยังมีปัจจัยภายนอกที่อาจกระตุ้นให้เกิดสิวที่หลัง ได้แก่
หลายๆ คนประสบกับปัญหาสิวขึ้นหลังเยอะมาก แต่รู้หรือไม่ว่าที่หลังของเรานั้นอาจไม่ใช่สิวประเภทเดียวกัน เพราะสิวที่หลังมีหลายประเภทแบ่งตามลักษณะของสิวแต่ละชนิด เพื่อที่จะได้รู้ว่าสิวที่หลังรักษาได้อย่างไร มารู้จักสิวแต่ละประเภทกัน
สิวที่หลังชนิดแรกคือสิวหัวขาว มีลักษณะเป็นสิวอุดตันแบบหัวปิด โดยสีขาวที่เห็นคือไขมันและสิ่งที่อุดตันอยู่ในรูขุมขน ส่วนมากสิ่งที่อุดตันสำหรับสิวหัวขาวมักเป็นเซลล์ผิวที่ตายแล้วและหลุดลอกออกไปตกค้างอยู่ในผิว ส่วนใหญ่สิวอุดตันหัวขาวเกิดได้ทั้งจากปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก มักเกิดบริเวณแก้มและหน้าผาก แต่อาจเกิดสิวที่หลังได้เพราะบริเวณหลังมีความอับชื้นจากการใส่เสื้อผ้า หรือมีเหงื่อออกบ่อยๆ ในขณะทำกิจกรรม
สิวหัวดำมีลักษณะเป็นตุ่มนูนเล็ก มีจุดสีดำตรงกลาง โดยสีขาวที่ปรากฏคือไขมันที่ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนและเปลี่ยนเป็นสีดำ จึงมีลักษณะคล้ายสิวเสี้ยนที่หลัง สิวหัวดำถือเป็นสิวอุดตันประเภทหัวเปิด เกิดจากการอุดตันของน้ำมันที่ต่อมไขมันผลิตออกมามากเกินไปและอาจปนไปกับเหงื่อบนผิวหนัง หรือแม้กระทั่งเกิดจากความเครียด หรือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เป็นต้น
สิวที่หลังอีกหนึ่งประเภทคือสิวอักเสบแบบตุ่มนูนแดง มีลักษณะเป็นสิวสีชมพูขนาดเล็ก มักเกิดจากสิวอุดตันที่อักเสบ ดังนั้นจึงมีความไวต่อการสัมผัส ควรหลีกเลี่ยงสัมผัสสิวประเภทนี้ เนื่องจากอาจทำให้ติดเชื้อและอักเสบรุนแรงขึ้นได้ ไม่ควรบีบ แคะ แกะ หรือเกาสิว เพราะอาจทำให้รอยสิวตามมาทักทายได้
สิวอักเสบแบบหัวหนองเป็นสิวอักเสบที่มีหัวหนองเป็นสีขาว หลายคนจะรู้สึกเจ็บบริเวณผิวที่เป็นสิวเมื่อไปโดน หรือสัมผัส เนื่องจากอาการอักเสบและบวมแดง จึงไม่ควรบีบ แคะ แกะ หรือเกา เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อและอักเสบรุนแรงกว่าเดิมได้
สิวที่หลังอีกชนิดคือสิวอักเสบแดงแบบก้อนลึก เป็นสิวอักเสบขนาดใหญ่อยู่ภายใต้ผิวหนัง เรียกอีกอย่างว่าสิวเป็นไต หรือสิวไม่มีหัว มีลักษณะแข็ง อักเสบ ไม่มีหัว อาจมีอาการเจ็บ ปวด และคัน ร่วมด้วย สิวประเภทนี้ใช้เวลารักษานาน และไม่ควรกดหรือบีบสิว เพราะจะยิ่งทำให้ผิวบริเวณนั้นช้ำ พร้อมทิ้งรอยมากขึ้นกว่าเดิมได้
สิวที่หลังประเภทสุดท้ายคือสิวหัวช้าง มีขนาดใหญ่ มีหนองและอาจมีอาการเจ็บสิวร่วมด้วย ไม่ควรบีบ แคะ แกะ หรือเกาสิวหัวช้าง เนื่องจากเป็นสิวระดับรุนแรงในชั้นผิวหนังแท้ และยังมีแนวโน้มทิ้งรอยแผลและเกิดแผลเป็นได้ง่าย เนื่องจากสิวหัวช้างมีขนาดใหญ่และไม่มีหัวสิว ทำให้ต้องใช้วิธีรักษาที่ละเอียดซับซ้อนกว่าสิวชนิดอื่นๆ
นอกจากการเกิดสิวแต่ละประเภท อาจเกิดปัญหาผิวอื่นๆ ที่หลังได้เช่นกัน เช่น สิวเสี้ยนที่หลัง ผื่นคันที่หลัง สิวผด เป็นต้น
หากสังเกตเห็นสิวที่หลังบ่อยครั้งหรือมีอาการสิวเห่อผิดปกติ อาจต้องปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและแนวทางการรักษาที่เหมาะสม โดยสิวที่หลังอาจบอกถึงโรคหรือภาวะบางอย่างในร่างกาย เช่น
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนทำให้เกิดสิวที่หลังได้ โดยเฉพาะช่วงวัยรุ่นหรือช่วงมีประจำเดือน ซึ่งอาจกระตุ้นการผลิตน้ำมันในผิวหนังมากขึ้นจนทำให้รูขุมขนอุดตันและเกิดสิว
การสะสมของเหงื่อหรือการสัมผัสสิ่งสกปรกทำให้เกิดสิวขึ้นหลังได้ เนื่องจากสิ่งเหล่านี้สามารถอุดตันรูขุมขน ทำให้เกิดการระคายและการอักเสบที่ผิวหนังได้
เมื่อต่อมไขมันทำงานหนักเกินไปจะผลิตน้ำมันมากขึ้น ซึ่งทำให้รูขุมขนอุดตันและเกิดสิวได้ การอุดตันนี้ทำให้เกิดการสะสมของน้ำมันและสิ่งสกปรก ส่งผลให้เป็นสิวที่หลังและเป็นสิวบริเวณผิวหนังส่วนอื่นๆ ได้
สำหรับวิธีการรักษาสิวที่หลังนั้นจะมีความคล้ายกับการรักษาสิวบริเวณอื่นๆ คือเน้นไปที่การรักษาความสะอาดและใช้ยาทาสิวที่หลังร่วมด้วย นอกจากนี้ ยังสามารถรักษาร่วมกับวิธีอื่นเพื่อผลลัพธ์ที่ดี เช่น ทานยารักษาสิว สครับผิว เป็นต้น การรักษาสิวที่หลังจะได้ผลดีเมื่อมีวินัยรักษาความสะอาด และใช้วิธีการรักษาสิวที่หลังหลายรูปแบบควบคู่กันไป ดังนี้
การรักษาสิวขึ้นหลังในรูปแบบการใช้ยามีทั้งแบบการใช้ทาภายนอกและแบบรับประทาน โดยการใช้ยารักษาสิวที่หลังจำเป็นต้องอยู่ภายใต้การดูแลขอแพทย์และเภสัชกร ซึ่งการรักษาสิวที่หลังโดยการใช้ยามีดังนี้
การใช้ยารักษาสิวที่หลังมีอยู่หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นยารักษาสิวทั่วไป หรือผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อการรักษาสิวที่หลังโดยเฉพาะ มักมีรูปแบบสเปรย์รักษาสิวที่หลังเพื่อให้ยากระจายทั่วแผ่นหลังได้ดี โดยทั่วไปแล้วยารักษาสิวสามารถรักษาสิวที่หลังได้ภายใน 2 อาทิตย์ ใช้เวลาไม่นาน หรือสามารถเลือกใช้ยาทาเฉพาะที่ก็ได้ เช่น
การใช้ยาทาเฉพาะที่เพื่อรักษาสิวที่หลังควรใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์ผิวหนัง เนื่องจากตัวยาแต่ละชนิดเป็นสารที่ค่อนข้างรุนแรงต่อผิว และสภาพผิวของแต่ละบุคคลมีความแตกต่างกัน โดยเฉพาะในผู้ที่ใช้ยาดังกล่าวร่วมกับยาชนิดอื่นด้วย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจสอบสภาพผิวก่อนการใช้ยา เพราะไม่ฉะนั้น จากการลดโอกาสการเกิดสิวที่หลัง อาจจะทำให้เป็นสิวที่หลังเพิ่มขึ้นแทน
การรักษาสิวที่หลังโดยใช้ยารับประทานจะใช้ในกรณีที่เป็นสิวที่หลังจำนวนมาก โดยเฉพาะสิวอักเสบ สิวหัวหนอง ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ว่าควรรับประทานในปริมาณเท่าไร ที่สำคัญยาบางชนิดอาจมีผลข้างเคียง และไม่เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์อีกด้วย จึงทำให้การรักษาสิวที่หลังด้วยวิธีนี้ไม่สามารถซื้อยามารับประทานเองได้ โดยตัวอย่างยาที่ใช้เพื่อรักษาสิวมีดังนี้
การเลเซอร์รักษาสิวที่หลังเป็นอีกหนึ่งวิธีที่รักษาสิวที่หลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังใช้เวลาไม่นานก็เห็นผลลัพธ์ที่ดีได้ แต่ก็ยังต้องรักษาควบคู่ไปกับการใช้ยารักษาสิวที่หลังไปด้วย โดยมีเลเซอร์ให้เลือกหลากหลายรูปแบบ สามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมได้ดังนี้
หากใครมีสิวที่หลังแล้วเกิดข้อสงสัยว่าต้องดูแลตัวเองอย่างไร ทาง Bioderma พาไปดูวิธีดูแลผิวเมื่อเป็นสิวขึ้นหลัง ดังนี้
แม้ผิวบริเวณหลังจะเป็นบริเวณที่สัมผัสกับฝุ่นและมลภาวะน้อยกว่าผิวช่วงใบหน้า และมีแนวโน้มปราการผิวที่แข็งแรงกว่า แต่มีโอกาสเป็นสิวขึ้นหลังได้ แนะนำใช้ครีมอาบน้ำสำหรับคนผิวแห้งที่อ่อนโยนกับผิวเพื่อป้องกันความระคายที่อาจเกิดกับผิวได้ ซึ่งเจลสำหรับล้างหน้าก็สามารถใช้ทำความสะอาดหลังและผิวส่วนอื่นที่เป็นสิวได้เช่นกัน
สำหรับคนเป็นสิวที่หลังสิ่งที่ไม่ควรทำที่สุดเลยคือการบีบ แกะสิวที่หลัง บางครั้งการลูบผิวบริเวณหลังอาจสัมผัสได้ถึงความรู้สึกนูนหรือขรุขระ และหลายคนมักลืมตัวจนบีบและแกะสิวได้ จนอาจไปกระตุ้นให้เกิดสิวเพิ่มบริเวณใกล้เคียง และที่สำคัญยังทิ้งรอยดำและรอยแผลไว้ให้เห็นบนผิวอีกด้วย
สำหรับใครที่มีสิวที่หลัง รวมถึงคนที่รักษาสิวที่หลังหายขาดแล้วแต่กลับทิ้งรอยไว้ แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมสำหรับช่วยเรื่องลดรอย ซึ่งการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติช่วยเรื่องลดรอยทุกวันจะช่วยให้รอยสิวที่หลังจางไวขึ้นได้ และหลังกลับมาเรียบเนียนขึ้นจนใส่เสื้อผ้าเปิดหลังได้อย่างมั่นใจเหมือนเคย
ลองใช้ ATODERM PP BAUME ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นยาวนานและแข็งแรง ช่วยเรื่องปัญหาสิวที่หลัง ช่วยฟื้นบำรุงและดูแลผิวที่แห้งหรือบอบบาง บอกลาการระคายผิวเพื่อป้องกันการเกิดสิว
การสครับผิวที่หลังเป็นการเร่งการผลัดเซลล์ผิวเพื่อช่วยให้รอยสิวที่หลังดูจางลงอย่างรวดเร็ว แต่ควรระมัดระวังความถี่ในการสครับหลัง เพราะการสครับหรือขัดผิวบ่อยเกินไปอาจเป็นการรบกวนผิว ก่อให้เกิดความระคายผิวได้
หลายคนคงคาดหวังอยากรักษารอยสิวที่หลังภายในไม่กี่วัน ให้รอยสิวหายไป แต่คงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากในการรักษารอยสิวที่หลังแบบเร่งด่วน ควรใช้ผลิตภัณฑ์รักษารอยสิวที่อ่อนโยน ให้ผลลัพธ์แบบค่อยเป็นค่อยไปจะดีกว่า เพราะไม่สร้างความระคายให้กับผิวอย่างรุนแรง
การป้องกันไม่ให้เป็นสิวที่หลังอาจทำได้ยาก ด้วยปัจจัยการเกิดสิวที่อยู่นอกเหนือการควบคุม เช่น ระดับของฮอร์โมนในร่างกายที่เปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆ แต่สามารถลดแนวโน้มการเกิดสิว หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดสิว เพื่อลดโอกาสการเกิดสิวที่หลังได้
ขั้นตอนแรกของการป้องกันสิวที่หลังคือการสระผมอย่างสม่ำเสมอ ไม่ปล่อยให้ผมมีความมันสะสม โดยเฉพาะผู้ที่มีผมยาว เนื่องจากผมที่มันเกินไปอาจมีสิ่งสกปรกสะสมตกค้างและเกิดการอุดตันในผิวจนทำให้เป็นสิวที่หลังได้ การสระผมอย่างสม่ำเสมอทั้งในผู้ที่มีผมสั้นและผมยาวจึงเป็นขั้นตอนการป้องกันการเกิดสิวที่หลังอีกหนึ่งขั้นตอนที่สำคัญ
ควรอาบน้ำทุกครั้งหลังออกกำลังกาย เพราะการออกกำลังกายทำให้เหงื่อออกเยอะมาก โดยเฉพาะบริเวณหลัง การอาบน้ำหลังออกกำลังกายจะช่วยลดแนวโน้มทำให้เหงื่ออุดตันในผิวที่เป็นสาเหตุการเกิดสิวที่หลังได้
สาเหตุหนึ่งในการเกิดสิวที่หลังคือละเลยทำความสะอาดหลัง เนื่องจากหลังเป็นบริเวณที่ล้างได้ยาก การใช้อุปกรณ์ช่วยทำความสะอาด เช่น แปรงขัดหลัง สครับขัดหลัง เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในการรักษาความสะอาดหลังให้เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น พร้อมทั้งยังสามารถทำความสะอาดได้อย่างสม่ำเสมอ ที่สำคัญยังช่วยป้องกันการเกิดสิวที่หลังไม่ให้ขึ้นจนหมดความมั่นใจ โดยสามารถเลือกแปรงที่มีความนุ่มเพื่อให้ทำความสะอาดรูขุมขนและถนอมผิวได้ในเวลาเดียวกันได้
การใส่เสื้อผ้าหลวมๆ หากเหงื่อออก และหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่อับชื้นเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนป้องกันการเกิดสิวที่หลัง เพราะการใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นทำให้ผิวเกิดอับชื้นในร่มผ้าได้ หรือหากใส่เสื้อผ้าที่มีขนาดพอดีไปจนถึงหลวมแล้วแต่กลับอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง เช่น ใช้เครื่องทำความชื้นมากเกินไป หรือเป็นฤดูฝนที่ฝนตกติดต่อกันเป็นระยะเวลานานหลายวันจนเกิดความอับชื้น ผิวจะเกิดการอุดตันเหงื่อได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมจนนำไปสู่การเกิดสิวที่หลังได้
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ผื่นแพ้เสื้อผ้า ชุดชั้นใน หรือผงซักฟอก มีอาการแบบไหน แก้ไขอย่างไรดี
ควรขัดผิวอย่างอ่อนโยน เพราะการขัดผิวด้วยความรุนแรงหรือใช้อุปกรณ์อย่างแปรงขัดหรือสครับขัดผิวที่หยาบเกินไปอาจบาดผิว ทำให้รูขุมขนเกิดความระคายผิวและอักเสบจนเป็นสิวที่หลังได้ การขัดผิวอย่างอ่อนโยนจะช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกไป ไม่เสี่ยงอุดตันจนเกิดสิวที่หลัง และที่สำคัญยังช่วยถนอมผิวไม่ให้เกิดความระคายหรืออักเสบอีกด้วย
สิวที่หลังเกิดจากหลายปัจจัย เช่น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การสะสมของเหงื่อและสิ่งสกปรก การอุดตันของรูขุมขน และการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง การรักษาสิวที่หลังสามารถทำได้โดยการดูแลผิวให้สะอาด เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทำให้เกิดการอุดตันและเหมาะสมกับสภาพผิว รวมถึงการรักษาด้วยเลเซอร์หรือยาปฏิชีวนะตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อควบคุมอาการให้ดีขึ้นและป้องกันการเกิดสิวในอนาคต
มีคำถามเกี่ยวกับสาเหตุ การรักษา และวิธีป้องกันสิวที่หลังมากมาย ดังนั้น เราจะมาตอบคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสิวที่หลัง เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจสาเหตุและวิธีการดูแลตัวเองให้ดีขึ้น พร้อมคำแนะนำในการรักษาและการป้องกัน เพื่อให้คุณมั่นใจในสุขภาพผิวที่หลังมากขึ้น
สิวขึ้นหลังเกิดจากการอุดตันของรูขุมขนที่เกิดจากแบคทีเรีย ความมัน และเซลล์ผิวที่ตายแล้ว นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากสิ่งสกปรกที่สะสมจากเหงื่อหรือการสัมผัสกับเสื้อผ้า หรือขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น การดูแลผิวและการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม
พันธุกรรมมีส่วนในการเกิดสิวที่หลัง เนื่องจากมีผลต่อการทำงานของต่อมน้ำมันในรูขุมขน การตอบสนองทางอักเสบ และการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ซึ่งสามารถกระตุ้นให้เกิดสิวขึ้นได้ในบางคน
สิวที่หลังอาจหายได้เองในบางกรณี หากสาเหตุไม่รุนแรงและมีการดูแลผิวที่ถูกวิธี แต่หากสิวยังคงเกิดขึ้นหรือไม่หาย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีการรักษาที่เหมาะสมและตรงกับสาเหตุของการเกิดสิว
การรักษาสิวที่หลังแบบเร่งด่วนอาจทำไม่ได้ แต่การรักษาแบบค่อยๆ ไปสามารถทำได้ โดยเริ่มต้นจากการทำความสะอาดผิว ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่อ่อนโยน รักษาความชุ่มชื้นของผิว เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม และหลีกเลี่ยงการสวมเสื้อผ้าที่อับชื้นหรือไม่ระบายอากาศ เพื่อช่วยให้สิวหายเร็วขึ้น
ผิวแห้งถึงผิวแห้งมาก
ผิวแห้งคือผิวที่มีลักษณะตึงและขาดความอ่อนนุ่ม
ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มออโตเดิร์ม (Atoderm) นำเสนอผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าและผิวกายที่เหมาะสำหรับผิวแห้งและผิวแห้งมากสำหรับใช้ประจำวัน อีกทั้งยังช่วยดูแลผิวที่มีปัญหาผื่นภูมิแพ้ผิวหนังหรืออาการคันควบคู่ไปด้วย... เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นในการฟื้นบำรุงผิวให้เนียนนุ่มและรู้สึกสบายผิว บอกลาผิวแห้งตึงและคันหลังอาบน้ำไปได้เลย!