Key Takeaway

  • สิวหัวดำคือสิวที่เกิดจากการอุดตันของน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้วในรูขุมขน ซึ่งทำให้หัวสิวมืดเนื่องจากการออกซิเดชั่นเมื่อสัมผัสกับอากาศ
  • สิวหัวดำเกิดจากการอุดตันของน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้วในรูขุมขน มักพบที่บริเวณหน้าผาก จมูก และคาง หรือที่ที่มีรูขุมขนกว้าง
  • สิวหัวดำควรรักษาด้วยยาที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว เช่น กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) หรือเรตินอล (Retinol) เพื่อขจัดสิ่งอุดตันในรูขุมขน
  • วิธีป้องกันสิวหัวดำคือการทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดอย่างสม่ำเสมอ ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ควบคุมความมันและผลัดเซลล์ผิว ช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน
     


สิวหัวดำเป็นปัญหาผิวที่หลายคนคุ้นเคย ไม่ว่าจะวัยรุ่นหรือวัยผู้ใหญ่ก็มีโอกาสเจอได้ทั้งนั้น สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน และมักพบในบริเวณจมูก หน้าผาก หรือคาง แม้จะไม่เจ็บปวดเท่าสิวอักเสบ แต่ก็ทำให้ผิวหน้าดูไม่เรียบเนียนและเสียความมั่นใจ สิวหัวดำสามารถเกิดได้กับทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะผิวมัน ผิวแห้ง หรือผิวผสม หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ดูแล อาจพัฒนาไปเป็นสิวอักเสบหรือรูขุมขนกว้างได้

หากคุณกำลังมองหาวิธีรับมือและลดโอกาสการเกิดของสิวหัวดำให้หายไปจากใบหน้าอย่างได้ผล มาดูกันเลยว่าเราควรเริ่มจากตรงไหน!

 

สิวหัวดำคืออะไร?

สิวหัวดำ (Blackheads) หรือที่เรียกว่าสิวอุดตันหัวเปิด (Open Comedone) เป็นสิวอุดตันชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเป็นตุ่มนูนเล็กๆ บนผิว โดยมีจุดสีดำที่หัวสิว ซึ่งเกิดจากการสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว สิ่งสกปรก และน้ำมันส่วนเกินที่อุดตันอยู่ในรูขุมขน

เมื่อไขมันและเคราตินที่อยู่ในรูขุมขนสัมผัสกับอากาศ จะเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน (Oxidation) ทำให้หัวสิวเปลี่ยนจากสีเหลืองกลายเป็นสีดำในภายหลัง นี่คือสิ่งที่ทำให้สิวหัวดำมีลักษณะเฉพาะแตกต่างจากสิวประเภทอื่น

สิวหัวดำเป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อยในทุกช่วงวัย และมักสร้างความกังวลใจไม่น้อยให้กับหลายคน ก่อนจะหาวิธีดูแลหรือรักษาอย่างถูกต้อง เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิวหัวดำ คืออะไรบ้าง เพื่อจะได้จัดการที่ต้นตอได้อย่างตรงจุด
 

การล้างหน้าไม่สะอาด

การล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ เพราะน้ำเปล่าไม่สามารถชะล้างความมันบนผิวหน้าได้หมดจด ส่งผลให้สิ่งสกปรกที่เกาะอยู่กับน้ำมันยังคงตกค้างบนผิว

ซึ่งสิวหัวดำเกิดจากการอุดตันของรูขุมขนที่มีทั้งน้ำมันและสิ่งสกปรกสะสมอยู่ เมื่อสัมผัสกับอากาศจะเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน ทำให้หัวสิวเปลี่ยนเป็นสีดำในที่สุด อีกทั้งยังเสี่ยงต่อการเกิดสิวประเภทอื่นๆ เช่น สิวเป็นไต ที่มีลักษณะเป็นก้อนแข็งใต้ผิวหนัง และสิวยีสต์ ที่เกิดจากเชื้อราบนผิวที่ชอบอยู่ในบริเวณที่มีความมันและชื้น หากทำความสะอาดไม่ดีพอก็อาจทำให้สิวลุกลามได้มากขึ้นอีกด้วย
 

การโกนขนบนใบหน้า

สิวหัวดำเกิดจากการมีขนคุด ซึ่งมักเกิดจากการใช้มีดโกนในการโกนขนเส้นเล็กๆ บนใบหน้า ไม่เพียงแค่ขนหนวดหรือเคราที่เป็นขนเส้นแข็งเท่านั้นที่อาจทำให้เกิดขนคุดและอักเสบจนกลายเป็นสิว แต่ขนเส้นเล็กๆ บนใบหน้า เมื่อใช้มีดโกนก็อาจทำให้เศษขนเข้าไปฝังในรูขุมขนและกลายเป็นสิวไม่มีหัวได้เช่นกัน
 

การผลัดเซลล์ผิว

สิวหัวดำเกิดจากวงจรการผลัดเซลล์ผิวของร่างกาย ซึ่งบางครั้งเซลล์ผิวชั้นนอกสุดอาจหลุดลอกออกไม่หมดและอุดตันอยู่ในรูขุมขน เมื่อผสมกับน้ำมันส่วนเกินและเส้นขนเล็กๆ บนผิว ก็สามารถกลายเป็นสิวหัวดำได้ การบีบสิวหัวดำเม็ดใหญ่ที่ยังไม่สุกหรือไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี อาจทำให้การอุดตันลึกลงไปในรูขุมขนมากขึ้น และเสี่ยงต่อการเกิดการอักเสบหรือแผลเป็นตามมาได้ นอกจากนี้ยังสามารถนำไปสู่การเกิดสิวข้าวสารหรือสิวสเตียรอยด์ได้ ซึ่งอาจมีอาการรุนแรงขึ้นหากไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง
 

ความเครียด

ความเครียดเป็นปัจจัยที่สามารถทำให้ฮอร์โมนในร่างกายแปรปรวนได้ทั้งในเพศหญิงและเพศชาย ซึ่งส่งผลต่อสภาพผิวโดยรวม รวมถึงการเกิดสิวเรื้อรังได้อีกด้วย เมื่อระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงมีผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันในผิวหนัง อาจทำให้เกิดสิวหรือปัญหาผิวอื่นๆ ที่ยากจะรักษา
 

ระดับฮอร์โมนในร่างกายไม่คงที่

ฮอร์โมนในร่างกายมีผลต่อน้ำมันที่เคลือบผิว โดยเฉพาะในช่วงประจำเดือนที่อาจทำให้ผิวแห้งหรือมันกว่าปกติ รูขุมขนจะขยายและอาจเกิดการอุดตันได้ง่ายขึ้น ทำให้เกิดสิวหัวดำหรือปัญหาสิวอื่นๆ เช่น สิวฮอร์โมน สิวหัวหนอง สิวอักเสบ หรือสิวหัวช้าง ซึ่งอาจมีการอักเสบและแผลเป็นตามมาได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง

สิวหัวดำและสิวเสี้ยนหัวดำมีลักษณะการเกิดและตำแหน่งที่แตกต่างกัน สิวหัวดำเกิดจากการอุดตันของรูขุมขนด้วยไขมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว เมื่อสัมผัสกับออกซิเจนในอากาศจะเกิดการออกซิเดชัน ทำให้หัวสิวมีสีดำ

ส่วนสิวเสี้ยนหัวดำ (Trichostasis Spinulosa) เกิดจากการทำงานผิดปกติของรูขุมขนและต่อมไขมัน ซึ่งทำให้มีการสร้างขนจำนวนมากในรูขุมขน เมื่อขนเหล่านี้รวมกับเซลล์ผิวที่หลุดลอกออกมา จะทำให้เกิดสิวเสี้ยนหัวดำที่แก้มหรือบริเวณจมูกจากการสะสมของสิ่งต่างๆ เช่นกัน

บริเวณบนใบหน้าที่มักเกิดสิวหัวดำมักจะเป็นพื้นที่ที่มีรูขุมขนกว้างและมีการผลิตน้ำมันมากเป็นพิเศษ หากคุณสงสัยว่าบริเวณไหนบ้างที่มักเกิดสิวหัวดำได้บ่อย ลองมาดูข้อมูลเหล่านี้กัน

  • หน้าผาก ผู้ที่มีผิวมันหรือผิวผสม มักพบสิวหัวดำในบริเวณทีโซน (หน้าผากและจมูก) เนื่องจากมีความมันและรูขุมขนกว้าง รวมถึงผู้ที่ไว้ผมหน้าม้าอาจพบสิวหัวดำที่หน้าผากได้ง่าย บางครั้งอาจจะเป็นสิวหัวดำแข็งๆ และต้องการการดูแลอย่างระมัดระวังเพื่อป้องกันการอักเสบ
  • จมูก บริเวณปลายจมูกมักพบสิวหัวดำและสิวเสี้ยนดำ ซึ่งสามารถลอกออกได้ แต่การบีบสิวหัวดำเม็ดใหญ่ที่ยังไม่สุกอาจทำให้เกิดการอักเสบหรือแผลเป็น ควรระมัดระวังในการดูแล
  • แก้ม สิวหัวดำเกิดจากการอุดตันในรูขุมขน มักพบบริเวณเนินแก้มที่มีรูขุมขนกว้างและความมันส่วนเกิน รวมถึงการเผชิญมลภาวะและแสงแดดที่ทำให้เกิดสิวอุดตันหัวดำที่แก้มได้ง่าย
  • หน้าอก ความอับชื้นและขนเล็กๆ บริเวณหน้าอกสามารถทำให้รูขุมขนอุดตันและกลายเป็นสิวหัวดำได้ แต่ส่วนใหญ่จะไม่เกิดการอักเสบ
  • หลัง แผ่นหลังเป็นบริเวณที่มักมีเหงื่อและรูขุมขนกว้าง อีกทั้งยังมีความอับชื้นง่าย ทำให้สิวหัวดำเกิดขึ้นได้บ่อย และอาจกลายเป็นสิวอักเสบเมื่อหัวสิวเสียดสีกับเสื้อผ้า

บีบสิวหัวดำได้ไหม?

การบีบสิวหัวดำออกไม่ควรทำด้วยนิ้วมือ เพราะอาจเสี่ยงต่อการเกิดรอยสิวหรือหลุมสิวได้ดีที่สุด ควรเลือกใช้วิธีการกดสิวหัวดำแทน โดยการใช้เครื่องมือกดสิวที่มีหัวรูแบนกว้าง และควรกดด้วยน้ำหนักมือที่พอดี เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมา หากเป็นสิวหัวดำเม็ดใหญ่ ควรหลีกเลี่ยงการบีบเพื่อป้องกันการอักเสบและแผลเป็น โดยวิธีที่ดีที่สุดคือการดูแลด้วยการรักษาที่เหมาะสมและการป้องกันสิวไม่ให้เกิดขึ้น

สิวหัวดำสามารถรักษาได้ตามอาการและระดับความรุนแรงของสิว โดยการเลือกใช้วิธีการที่เหมาะสมกับสภาพผิวและความรุนแรงของสิวในแต่ละบุคคล ดังนี้

  • กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) ช่วยขจัดน้ำมันส่วนเกินและเคราตินในเซลล์ผิวหนัง ทำให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วหลุดลอกออกง่ายขึ้น
  • กรดเบนโซลอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) กรดเบนโซลอิลเพอร์ออกไซด์ช่วยลดการบวมและตุ่มหนองของสิวอักเสบ พร้อมต้านแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิว
  • สารประกอบเรตินอยด์ (Retinol) สารเรตินอยด์ช่วยลดการอุดตันในรูขุมขนและเพิ่มการดูดซึมของยารักษาสิวอื่นๆ ได้ดีขึ้น
  • ยาเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและขจัดเซลล์ผิวตาย เหมาะสำหรับรักษาทั้งสิวอักเสบและสิวหัวดำ ผู้เริ่มใช้ควรเลือกความเข้มข้น 2.5% ก่อน และค่อยเพิ่มตามความเหมาะสม
  • กลุ่มยาอนุพันธ์ของกรดวิตามิน A ยาละลายสิ่งอุดตัน เช่น Tretinoin, Adapalene และ Tazarotene ช่วยต้านการอักเสบและละลายสิ่งอุดตัน โดย Tazarotene มีประสิทธิภาพสูงกว่า Tretinoin แต่ใช้ได้ในระยะสั้น และห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
  • กลุ่มยาปฏิชีวนะ สิวหัวดำระดับปานกลางถึงรุนแรง อาจต้องใช้ยาปฏิชีวนะ เช่น Erythromycin หรือ Doxycycline เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
  • ยาปรับฮอร์โมน เช่น ยาคุมบางชนิด สามารถใช้ภายใต้การดูแลแพทย์เท่านั้น และห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์เด็ดขาด

พบแพทย์ผิวหนังเพื่อรักษาสิวหัวดำ

การพบแพทย์ผิวหนังเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุดในการรักษาสิวหัวดำ เนื่องจากสิวประเภทนี้อาจเกิดจากปัญหารูขุมขนหรือความมันผิดปกติบนผิวหน้า รวมถึงปัญหาผิวหรือสิวอื่นๆ ร่วมด้วย แพทย์จะสามารถวินิจฉัยสภาพผิวได้อย่างแม่นยำ หาสาเหตุของสิวหัวดำ และให้คำแนะนำการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งช่วยดูแลทั้งสิวหัวดำและปัญหาผิวอื่นๆ พร้อมกันได้

การปรับพฤติกรรมในการดูแลผิวสามารถช่วยลดโอกาสในการเกิดสิวหัวดำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างจะช่วยให้ผิวหน้าได้รับการดูแลที่ดียิ่งขึ้น ลดความเสี่ยงจากสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดสิวหัวดำ ดังนั้นการทำความเข้าใจและปฏิบัติตามขั้นตอนการดูแลที่ถูกต้องจะช่วยให้ผิวหน้าของคุณสะอาดและสุขภาพดีมากขึ้น
 

ไม่บีบสิวหัวดำ

การบีบสิวหัวดำหรือกดสิวหัวดำถือเป็นการรบกวนรูขุมขนและผิวในบริเวณดังกล่าว ซึ่งอาจทำให้สิวหัวดำกลายเป็นสิวอักเสบและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดแผลเป็นได้ โดยเฉพาะการบีบสิวหัวดำเม็ดใหญ่ที่ยังไม่สุก เพราะอาจทำให้การอักเสบลุกลามได้ง่าย จึงควรหลีกเลี่ยงการบีบหรือกดสิวหัวดำทุกรูปแบบเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจตามมาในภายหลัง
 

ล้างเครื่องสำอางให้หมดจด

การล้างเครื่องสำอางและครีมกันแดดเป็นขั้นตอนสำคัญในการทำความสะอาดผิวหน้า เนื่องจากครีมกันแดดทำหน้าที่เคลือบผิวเพื่อปกป้องจากแสงแดด จึงมักตกค้างในรูขุมขน การทำความสะอาดผิวให้หมดจดก่อนล้างหน้าควรเริ่มจากการใช้คลีนซิ่งที่เหมาะสมกับสภาพผิว สำหรับผู้ที่มีผิวมันและเป็นสิวง่าย ควรเลือกคลีนซิ่งที่ช่วยควบคุมความมันและไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น Bioderma Sebium H2O เพื่อการทำความสะอาดที่มีประสิทธิภาพและอ่อนโยนต่อผิว

คลีนซิ่งไมเซล่า วอเตอร์ Sebium H2O มีโครงสร้างคล้ายผิว ทำความสะอาดล้ำลึกโดยไม่ทำให้ผิวแห้งหรือระคาย เหมาะสำหรับผิวเป็นสิว ผิวมัน และผิวที่เป็นสิวง่าย ส่วนผสม Copper Sulfate และ Zinc Gluconate ควบคุมความมันและลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย พร้อม DAFTM PATENTED COMPLEX ช่วยลดการระคายและเสริมสร้างปราการผิว
 

ใช้เจลล้างหน้าที่อ่อนโยน

เป็นสิวอุดตันหัวดําใช้อะไรดี? ควรเลือกใช้เจลล้างหน้าควรเลือกสูตรที่อ่อนโยนและสามารถชะล้างความมันส่วนเกินได้อย่างหมดจด โดยไม่ทำร้ายปราการผิว โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ควรเลือกเจลล้างหน้าที่มีค่า pH เป็นกลางและไม่มีส่วนผสมของสารที่อาจก่อให้เกิดการแพ้ เช่น Bioderma Sebium Gel Moussant หลังจากล้างหน้า ควรใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะสมเพื่อเติมความชุ่มชื้นและเสริมสร้างปราการผิวให้แข็งแรง
 

ใช้ครีมบำรุงผิวหน้าเพื่อลดรูขุมขนกว้าง

รูขุมขนกว้างเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้หน้ามันและเกิดสิวหัวดำได้ง่าย นอกจากการทำความสะอาดผิวแล้ว การบำรุงและเติมความชุ่มชื้นให้ผิวก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม การทาครีมบำรุงผิวหน้าหรือมอยเจอร์ไรเซอร์ เช่น Bioderma Sebium Pore Refiner จะช่วยเป็นขั้นตอนสุดท้ายในการดูแลผิวและลดปัญหารูขุมขนกว้าง

ครีมบำรุงผิวหน้า Sebium Pore Refiner ช่วยควบคุมความมันและกระชับรูขุมขน ด้วยสารสกัดจากเห็ด Fomes Officinalis, Agaric Acid และ Salicylic Acid ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวและป้องกันการอุดตัน ลดโอกาสการเกิดสิวหัวดำ พร้อม Mattifying Powder ที่ทำให้ผิวเรียบเนียนและกระจ่างใสทันทีหลังทา 15 นาที สามารถใช้ร่วมกับยาทาสิวและเป็นเมคอัพเบสได้
 

เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิวหน้า

ผิวที่เป็นสิวมีความอ่อนแอและไวต่อการแพ้ ควรใช้ผลิตภัณฑ์อ่อนโยนที่เหมาะสมกับสภาพผิว เช่น น้ำตบหรือโทนเนอร์เนื้อบางเบา ซึมซาบเร็ว เติมความชุ่มชื้นโดยไม่ทิ้งความมันตกค้าง หรือก่อให้เกิดการอุดตัน เพื่อบำรุงผิวอย่างเต็มที่และสามารถใช้ร่วมกับยาสิวได้

การดูแลรักษาความสะอาดและการบำรุงผิวอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันสิวหัวดำและปัญหาสิวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผิวมัน ผิวผสม ผิวแห้ง หรือผิวแพ้ง่าย การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวและปฏิบัติตามคำแนะนำจากแพทย์จะช่วยให้ผิวดูสุขภาพดี แข็งแรง และลดโอกาสการเกิดสิวได้
 

สรุป

สิวหัวดำเกิดจากการอุดตันของรูขุมขนด้วยไขมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ซึ่งเมื่อออกซิเดชันกับอากาศจะกลายเป็นสีดำ โดยมักเกิดบริเวณที่มีรูขุมขนกว้างและมีความมันส่วนเกิน เช่น บริเวณจมูกและแก้ม การรักษาสิวหัวดำสามารถทำได้ด้วยการรักษาความสะอาดผิวอย่างถูกวิธี ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยควบคุมความมันและป้องกันการอุดตัน เช่น คลีนซิ่งหรือโทนเนอร์ที่เหมาะสม การหลีกเลี่ยงการบีบหรือกดสิวก็เป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันการอักเสบหรือแผลเป็น หากสิวหัวดำไม่ดีขึ้นควรพบแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม

หลายคนอาจมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสิวหัวดำ Bioderma จะมาตอบคำถามที่พบบ่อย เพื่อช่วยคลายข้อสงสัยและทำให้เข้าใจเกี่ยวกับสิวหัวดำมากขึ้น

สิวหัวดำที่บีบไม่ออกเกิดจากหัวสิวอยู่ลึกเกินไป หรือหัวสิวมีขนาดเล็กมาก จึงทำให้ไม่สามารถบีบออกได้ง่าย

สิวอุดตันหัวดำที่แก้มไม่สามารถหายเองได้ หากทิ้งไว้จะทำให้รูขุมขนกว้าง หรือเกิดการติดเชื้อและกลายเป็นสิวอักเสบ
 

สิวหัวดำแข็งๆ เหมือนหินเกิดจากการสะสมเซลล์ผิวที่ตายแล้วและซีบัมในรูขุมขน ทำให้รูขุมขนขยายและเกิดการอุดตัน

สิวหัวดำในหูเกิดจากการสะสมของสิ่งสกปรกและน้ำมันในหู หากไม่ทำความสะอาดหูให้ดีจึงเกิดการอุดตัน

ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยขจัดความมันและผลัดเซลล์ผิว เช่น กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) หรือเจลล้างหน้าที่มีคุณสมบัติควบคุมความมัน เช่น Bioderma Sebium Gel Moussant เพื่อช่วยลดการอุดตันในรูขุมขนและป้องกันสิวหัวดำ

Bioderma ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มซีเบี่ยม

ทำความสะอาดและบำรุงผิว

ผิวผสมถึงผิวเป็นสิวง่าย

ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มซีเบี่ยม (Sébium)

Bioderma ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มซีเบี่ยม

ผิวจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เนื่องจากผิวจะมีความหนามากขึ้น มันเงา เกิดสิวอักเสบเป็นจุดมากน้อยแตกต่างกันไป และบางครั้งก็ยังคงเป็นเช่นนั้นต่อเนื่องไปจนถึงวัยผู้ใหญ่อีกด้วย

ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มซีเบี่ยม (Sébium) เป็นผลิตภัณฑ์ที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อผิวมันและเป็นสิวง่ายโดยเฉพาะ
ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มซีเบี่ยม (Sébium) มีผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและดูแลผิวที่แพทย์ผิวหนังแนะนำโดยเฉพาะ ทั้งผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าสำหรับผิวมัน อย่างเจลล้างหน้าและไมเซล่า วอเตอร์ มอยส์เจอไรเซอร์สำหรับผิวเป็นสิวง่าย และอื่นๆ อีกมากมาย เลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวประจำวันให้ตัวคุณเลย!