เพราะสีผิวเป็นอะไรที่เห็นความแตกต่างได้อย่างเด่นชัด ยิ่งถ้าหากสีผิวแต่ละบริเวณมีสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอกันนั้น ยิ่งทำให้ใครที่ประสบปัญหานี้อยู่ต้องเสียความมั่นใจกันไปแน่ ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาสีผิวไม่เท่ากัน เรามาดูถึงสาเหตุที่ทำให้ผิวไม่สม่ําเสมอกันว่ามันเกิดจากอะไรได้บ้าง? พร้อม Bioderma จะมากระซิบเคล็ดลับแก้ปัญหาสีผิวไม่สม่ําเสมอให้ทุกคนได้ทราบกัน!

ลักษณะของสีผิวไม่สม่ำเสมอมีอะไรบ้าง 

สีผิวไม่สม่ำเสมอ เป็นหนึ่งปัญหาผิวที่สภาพผิวไม่เรียบเนียนเป็นสีเดียวกัน ผิวมีรอยดำ รอยแดง จากปัญหารอยสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ รวมถึงผิวคล้ำไม่สม่ำเสมอจากเม็ดสีผิวที่มีการสร้างมากขึ้นผิดปกติเข้มขึ้น (Hyperpigmentation) จากการสัมผัสจากปัจจัยหลายสาเหตุ โดยเฉพาะแสงแดดที่จะเข้ามาทำร้ายเม็ดสีผิว

ซึ่งปัจจัยแวดล้อมเหล่านี้จะทำให้เกิดเม็ดสีผิวเมลานิน (Melanin) ที่เป็นเม็ดสีผิวเข้มที่มีสีน้ำตาลแดง ไปจนถึงความเข้มระดับสีดำ ซึ่งเม็ดสีผิวเหล่านี้จะดูดซับรังสีอัลตราไวโอเลตหรือรังสี UV ทำให้ผิวดูคล้ำและผิวด่างไม่สม่ําเสมอ เนื่องจากผิวแต่ละบริเวณสัมผัสกับแสงแดดไม่เท่ากัน โดยบริเวณส่วนมากที่จะพบสีผิวไม่สม่ำเสมอมักจะเป็นบริเวณที่อยู่ระหว่างที่มีวัสดุอย่าง เสื้อผ้า หน้ากากอนามัย หมวกปกคลุม และไม่มีปกคลุม เช่น

  • สีผิวไม่สม่ำเสมอหน้า
  • สีผิวไม่สม่ำเสมอแขน
  • สีผิวไม่สม่ำเสมอแผ่นหลังสีผิวไม่สม่ําเสมอขา

สีผิวไม่สม่ำเสมอเกิดจากสาเหตุใด 

ผิวไม่เนียน ไม่สม่ําเสมอนั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุตั้งแต่สภาพแวดล้อมแสงแดด รวมไปถึงปัญหาผิวต่าง ๆ ที่ทำให้สีผิวบริเวณต่าง ๆ ของร่างกายนั้น เกิดแยกชั้นให้เห็นได้ชัดว่าเป็นคนละเฉดสีผิวกัน เพราะฉะนั้นหากเราหลีกเลี่ยงปัจจัยเหล่านี้ที่ทำให้เกิดการสร้างเม็ดสีผิวไม่สม่ำเสมอนี้ได้ ผิวหน้าของเราก็จะกลับมาหน้าเรียบเนียน เป็นเฉดสีผิวเดียวกันได้

 

สีผิวไม่สม่ำเสมอจากแสงแดด

แสงแดดแสงแดดตัวการหลักเลยที่ทำให้เกิดการสร้างเม็ดสีเข้มเมลานินขึ้น และความรุนแรงของแสงแดดนั้นจะเผาไหม้ผิวของเราให้เห่อแดง จนสุดท้ายก็เป็นสีผิวคล้ำไหม้แดดในที่สุด เพราะในแสงแดดนั้นมีรังสีอัลตราไวโอเลตที่มีความเข้มข้นสูง มีทั้งรังสีชนิด UVA และ UVB สามารถทะลุกระจกเข้ามาทำร้ายผิวเราได้ แม้จะอยู่ภายในอาคารก็ตาม

 

ผิวหน้าไม่สม่ำเสมอเพราะสิวและรอยสิว 

 สิว

ปัญหาสิวนั้นทำให้ผิวเกิดการอักเสบ ทำให้ผิวหน้ามีอาการเห่อแดงขึ้น ทำให้สีผิวดูไม่สม่ำเสมอ และนอกจากนี้หลังจากที่สิวยุบตัวลงไปแล้ว ยังทิ้งร่อยรอยแผลสิวเอาไว้อีกด้วย และผิวในบริเวณนั้นเกิดสีคล้ำขึ้นมา ซึ่งปัญหาสิวและรอยสิวจึงทำให้ผิวหน้าของเรานั้นเกิดเป็นผิวด่างไม่สม่ําเสมอนั่นเอง

 

สีผิวไม่สม่ำเสมอจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน

การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายที่เปลี่ยนไปนั้น ส่งผลให้เซลล์ผิวมีการทำงานที่ผิวปกติไป ทำให้เซลล์เกิดคล้ำขึ้น เป็นปัญหาฝ้า (Melasma) ซึ่งคุณผู้หญิงมักจะพบปัญหาผิวนี้มากกว่าคุณผู้ชาย เพราะด้วยปัจจัยต่าง ๆ ของร่างกายทำให้ ร่างกายของคุณผู้หญิงเกิดการแปรปรวนของฮอร์โมนได้ง่าย โดยเฉพาะในช่วงที่คุณผู้หญิงตั้งครรภ์ หรือในช่วงที่มีการใช้ยาคุมกำเนิดที่มีผลต่อการหลั่งของฮอร์โมน

 

สีผิวไม่สม่ำเสมอจากอายุที่เพิ่มขึ้น 

เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นจะมีโอกาสเกิดปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอมากกว่าวัยอื่น ๆ ด้วยหลากหลายเหตุผล หนึ่งในนั้นก็คือการทำงานของระบบต่าง ๆ ของร่างกายที่เสื่อมสภาพลง ทำให้เมื่อผิวโดนแดด แล้วเกิดอาการผิวไหม้ ผิวก็จะฟื้นตัวได้ช้าลง เพราะการฟื้นฟูเซลล์ผิวและกระบวนการเกิดเซลล์ผิวใหม่เสื่อมลง

 

สีผิวไม่สม่ำเสมอจากปัญหาผิวอื่นๆ 

สีผิวไม่สม่ำเสมอปัญหาผิวอื่น ๆ ก็ส่งผลให้สีผิวไม่สม่ำเสมอได้เช่นกัน  ทั้งโรคผิวหนังอักเสบโรซาเชีย (Rosacea) หรือโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic Dermatitis) อาการติดเชื้อเหล่านั้นจะทำให้ผิวเห่อแดงขึ้น ทำให้สีผิวแยกกันเป็นคนละเฉดสีผิว นอกจากปัญหาสีผิวที่เป็นจุดด่างดำสีเข้มแล้ว ยังมีปัญหาผิวสีอ่อนอย่างปัญหาผื่นกลากน้ำนม (Pityriasis Alba) ที่ทำให้ผิวแลดูไม่สม่ำเสมอด้วยเช่นกัน

5 วิธีแก้สีผิวไม่เท่ากัน 

วิธีทำให้สีผิวสม่ำเสมอนั้นเน้นไปที่การซ่อมแซมบำรุงผิว พร้อมทั้งพยายามที่จะเสริมสร้างเกราะป้องกันให้กับผิว ให้ผิวกลับมามีปราการผิวที่แข็งแรง พร้อมสู้ในทุก ๆ สภาพแวดล้อมที่จะเข้ามาทำร้ายผิว งั้นเราไปดูกันเลยดีกว่าว่า 5 วิธีที่จะแก้ปัญหาสีผิวไม่เท่ากันได้มีอะไรบ้าง?

 

1. ทาครีมกันแดดเพื่อป้องกันการเกิดสีผิวไม่เท่ากัน 

ครีมกันแดด

ก่อนอื่นเลยเราต้องเริ่มจากการสร้างเกราะป้องกันให้ผิวไม่ต้องสัมผัสกับแสงแดดที่มีความเข้มข้นสูงเข้า โดยใช้ครีมกันแดดที่มีสาร SPF และ PAเพียงพอที่จะ ช่วยป้องกันผิวจากอาการผิวไหม้จากแสงแดดได้นั้นเอง โดยครีมกันแดดที่เหมาะสมนั้นควรมีค่า SPF มากกว่า 15 แต่ไม่ควรเกิน 50 และเลือกครีมกันแดดที่มีค่า PA ที่มีค่า + สูง

 

2. เลือกสกินแคร์ช่วยลดการกระตุ้นการเกิดเม็ดสีเมลานิน 

อีกหนึ่งวิธีที่ช่วยป้องกันไม่ให้ผิวหมองคล้ำ ไม่สม่ำเสมอ การเลือกใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมที่ช่วยลดการเกิดเม็ดสีเมลานิน ก็จะช่วยให้ผิวกลับมาสว่างสดใสมากขึ้น เพราะสกินแคร์เหล่านี้จะมีกลไกในการช่วยป้องกันผิวจากปัจจัยภายนอก อย่าง แสงแดด มลภาวะต่าง ๆ หรือมีกลไกขัดขวางการเกิดเม็ดสีเมลานิน พร้อมเร่งการเกิดเซลล์ผิวใหม่

 

3. สครับผิวเพื่อให้ผิวเรียบเนียนสม่ำเสมอ 

การสครับผิวเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยผลัดเซลล์เก่าให้หลุดลอกออกไปได้ง่าย ๆ ช่วยลดความหมองคล้ำจากเซลล์ผิวเก่า พร้อมทำให้สิวเม็ดเล็ก ๆ อย่างสิวเสี้ยนหลุดออกไปได้ แต่ก่อนที่จะเลือกใช้สครับผิวชนิดไหนก็ตาม เราจำเป็นต้องมาเช็คสภาพผิวของตัวเองก่อน เพื่อจะได้เลือกชนิดที่เข้ากับสภาพผิวของเรา โดยการใช้สครับผิวนั้นแนะนำให้ใช้สัปดาห์ละ 1 - 2 ครั้ง ขณะใช้ให้นวด ๆ ผิวเป็นวงกลม ประมาณ 10 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

 

4. เลเซอร์เพื่อให้สีผิวสม่ำเสมอ

 เลเซอร์

หนึ่งในเทคโนโลยีที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวนั่นก็คือ การเลเซอร์ เพราะการเลเซอร์นอกจากช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวแล้ว ยังมีส่วนช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า เร่งการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ให้ผิวแลดูกระจ่างใส ลดเลือนจุดด่างดำให้จางลง

 

5. ทาโลชั่นเพิ่มความชุ่มชื้น

การทาครีมบำรุงมอบความชุ่มชื้นให้กับผิวแน่นอนว่าจะช่วยแก้ปัญหาผิวแห้ง ผิวแพ้ง่ายที่มักจะเห่อแดงอยู่เสมอ สามารถบรรเทาอาการแพ้แดงนี้ลงไปได้ช่วยแก้ปัญหาผิวสีไม่สม่ําเสมอไปได้

ส่วนผสมที่มีส่วนช่วยในการแก้ปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ 

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีส่วนผสมบางชนิดสามารถช่วยให้สีผิวสม่ําเสมอได้ เพราะส่วนผสมเหล่านี้จะช่วยผลัดเซลล์ผิวให้กับใบหน้า ให้เซลล์ผิวเก่าได้หลุดลอกออก และเร่งกระบวนการผลิตเซลล์ผิวใหม่ให้เกิดเร็วขึ้น

ส่วนผสมที่ช่วยแก้ปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ ได้แก่

  • วิตามินซี (Vitamin C) เป็นหนึ่งในสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ที่ช่วยต้านความรุนแรงของอาการผิวไหม้จากแดด และช่วยลดการเกิดเม็ดสีเมลานิน
     
  • กรดไกลโคลิก (Glycolic Acid) ส่วนผสมที่มีฤทธิ์ในการกำจัดเซลล์ผิวเก่าที่มีสีคล้ำ หรือเป็นรอยแผลสิวให้หลุดออก นำสู่การเกิดเซลล์ผิวใหม่สุขภาพดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยกำจัดน้ำมันส่วนเกินบนผิว ลดแนวโน้มการเกิดสิว และลดการเกิดผิวคล้ำ ลดแนวโน้มการเกิดริ้วรอยจากแสงแดด
     
  • กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) กรดที่มีสรรพคุณคล้ายเคียงกับกรดไกลโคลิก ที่ช่วยลดอาการเกิดสีผิวคล้ำนั่นเอง
     
  • เรตินอล (Retinol) อนุพันธ์ในกลุ่มวิตามิน เอ (Vitamin A) ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวใหม่ ช่วยทำให้สีผิวสม่ำเสมอ ลดผลกระทบจากแสงแดดที่เข้ามาทำร้ายผิว
     
  • ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) กลุ่มวิตามิน บี 3 (Vitamin B3) ช่วยควบคุมความมันบนใบหน้า ทำให้ลดแนวโน้มการเกิดสิวใหม่ และช่วยทำให้ผิวคล้ำ และการเกิดริ้วรอยดีขึ้นได้
     
  • กรดโคจิก (Kojic Acid) กรดที่ช่วยยับยั้งการสร้างเมลานิน ช่วยทำให้ผิวแลดูกระจ่างใสขึ้นได้
     
  • ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) สารที่มีคุณสมบัติช่วยยับยั้งกระบวนการเปลี่ยนแปลงของสีผิว ลดการสร้างเม็ดสีมากผิดปกติจนกลายเป็นรอยดำ ฝ้า หรือกระ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสีผิวไม่สม่ำเสมอ 

สีผิวไม่สม่ำเสมอเลเซอร์แล้วจะหายไหม 

ผิวสีไม่สม่ําเสมอนั้นสามารถใช้หัตถการที่ควบคุมโดยแพทย์เข้ามาร่วมด้วยในการรักษาอาการให้ดีขึ้นได้แพทย์จะมีการใช้เลเซอร์เพื่อรักษาปัญหาจุดด่างดำที่ไม่สม่ำเสมอ และผิวที่คล้ำทำให้ใบหน้าดูโทรมนั้นกลับขึ้นมากระจ่างใสได้ เพราะคลื่นเลเซอร์เมื่อถูกยิงลงไปสู่ชั้นผิวจะทำให้ผิวเป็นแผลเล็กน้อย ผิวจึงได้รับการกระตุ้นให้สร้างคอลลาเจนในชั้นผิวจำนวนมากเพื่อจะมาซ่อมแซมผิวบริเวณที่ยิงเลเซอร์ไป

ข้อสรุปของสีผิวไม่สม่ำเสมอ 

สีผิวไม่สม่ำเสมอนั้นสาเหตุหลัก ๆ มักจะเกิดจากเซลล์ผิวถูกทำร้ายจากแสงแดด ทำให้เกิดเป็นเม็ดสีผิวเข้มเมลานินขึ้นมาได้จนผิวดูหมองคล้ำ หรือมีสีเข้มมากจนเป็นฝ้ากระจุดด่างดำได้ นอกจากนี้สิวก็จะเป็นอีกปัญหาที่ทำให้สีผิวไม่เท่ากัน เนื่องจากหลังจากสิวหายแล้ว จะมีปัญหารอยสิว รอยดำ รอยแดงตามมานั่นเอง ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ให้หมดไปได้ เราจะต้องใส่ใจดูแลผิว และเสริมปราการผิวให้แข็งแรงเพื่อสู้กับแสงแดดได้!

ครีมกันแดดปกปิดรอยสิวBIODERMA PHOTODERM COVER TOUCH SPF50+  ครีมกันแดดสีเนื้อที่ช่วยปกปิดผิวให้เรียบเนียนสม่ำเสมอ พร้อมสร้างเกราะป้องกันให้ผิวห่างไกลแสงแดด รังสีอัตราไวโอเลต ฝุ่น ควัน และมลภาวะที่จะเข้ามาทำร้ายผิว ด้วยเทคโนโลยี Sun Active Defense ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะต่าง ๆ

Bioderma ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มโฟโตเดิร์ม

ปกป้องผิวจากแสงแดด

ผิวแพ้ง่ายที่ต้องเผชิญกับแสงแดด

ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มโฟโตเดิร์ม (Photoderm)

Bioderma ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มโฟโตเดิร์ม

คุณกำลังมองหาครีมกันแดดประสิทธิภาพสูงสำหรับผิวของคุณอยู่หรือเปล่า

ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มโฟโตเดิร์ม (Photoderm) คือผลิตภัณฑ์กันแดดครบวงจรสำหรับทุกสภาพผิวรวมถึงผิวที่มีความไวต่อแสงแดด  โดยมีทั้งผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดสำหรับผิวที่ไวต่อสิ่งกระตุ้นอย่างแสงแดดหรือสารเคมีผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดสำหรับผิวแพ้ง่าย และผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดสำหรับผิวมันถึงผิวเป็นสิวง่ายโดยเฉพาะ