Key Takeaway

  • ผิวไหม้แดดมีความรุนแรง 3 ระดับ เริ่มจากผิวแดงเล็กน้อย ไปจนถึงระดับรุนแรงที่มีตุ่มน้ำและต้องพบแพทย์ โดยใช้เวลาฟื้นบำรุงตั้งแต่ 3-5 วันจนถึงมากกว่า 2 สัปดาห์ขึ้นอยู่กับความรุนแรง
  • สาเหตุผิวไหม้แดดเกิดจากรังสียูวี 2 ประเภท คือ UVA ที่ทำให้เกิดริ้วรอยและฝ้า และ UVB ที่ทำให้ผิวแสบร้อนและคล้ำ การปล่อยทิ้งไว้จะทำให้ผิวอ่อนแอลงและไวต่อแสงแดดมากขึ้น
  • วิธีรักษาผิวไหม้แดดเบื้องต้นที่สำคัญ คือ การประคบเย็น ใช้ว่านหางจระเข้ หลีกเลี่ยงการแกะเกา และเพิ่มความชุ่มชื้นทั้งจากการดื่มน้ำและการทาครีมบำรุง
  • การป้องกันผิวไหม้แดด ควรสวมเสื้อผ้ามิดชิด หลีกเลี่ยงแสงแดดจัดช่วง 10.00-16.00 น. และทาครีมกันแดดที่มีทั้ง SPF และ PA อย่างสม่ำเสมอ โดยทาก่อนออกแดด 30 นาทีและทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง

 


 

การอยู่ในสถานที่ที่แดดแรงเป็นระยะเวลานาน อาจทำให้ผิวไหม้แดด หรือใบหน้าไหม้แดด จนเกิดการคล้ำเสีย ผิวแดง ไม่สม่ำเสมอ ซึ่งบางรายอาจมีอาการรุนแรง อย่างการระคายผิว และแสบร้อนผิวได้ แล้วแบบนี้ หากเกิดผิวไหม้แดด ใช้อะไรดีที่จะช่วยให้ผิวไหม้แดด ดำ ลอก หน้าไหม้ แสบ กลับมาเป็นผิวที่มีสุขภาพดีอีกครั้ง และมีวิธีรักษาผิวไหม้แดดเร่งด่วนไหม ทำอย่างไรได้บ้าง

บทความนี้มีเคล็ดลับดีๆ เกี่ยวกับวิธีแก้ผิวไหม้แดดที่นำไปปรับใช้ด้วยตนเองได้ มีวิธีอะไรบ้าง สามารถติดตามได้ที่นี่

“ผิวไหม้แดด” เป็นปัญหาที่ใครหลายๆ คนมักเข้าใจหายได้เองโดยไม่ต้องทำอะไร ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นความเชื่อที่ผิด เนื่องจากเมื่อผิวโดนแดดเผา ในแสงแดดจะมีรังสียูวีอยู่ รังสีนั้นจะทำร้ายผิว ทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำ แสบร้อน เกิดอาการคัน ผิวหนังหลุดลอก และในบางรายมีตุ่มน้ำเกิดขึ้น
 

หากปล่อยทิ้งไว้ จะทำให้ผิวที่ถูกทำลายอ่อนแอลง ก่อให้เกิดการระคายผิวได้ง่ายขึ้น ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้น และอาจมีรอยดำรอยแดงที่เกิดจากตุ่มน้ำได้

อาการของผิวไหม้แดดปกติจะถูกแบ่งระดับความรุนแรงออกเป็น 3 ระดับ ดังนี้
 

ระดับ 1 ผิวไหม้แดดเล็กน้อย

หากคุณผิวไหม้แดดในระยะแรกเริ่ม หรือในระดับเล็กน้อย จะมีอาการผิวแดงจากแดด ในบางรายมีการเจ็บปวดเกิดขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเมื่อผ่านไปสักระยะหนึ่ง บริเวณผิวไหม้แดดจะลอกออกมาเพราะเกิดการผลัดเซลล์ผิวหนัง
 

ระดับ 2 ผิวไหม้แดดปานกลาง

คนที่มีผิวไหม้แดดปานกลาง จะมีอาการผิวไหม้แดด แสบ คัน บางรายมีอาการบวมแดง หน้าไหม้ แสบตามบริเวณต่างๆ ที่ถูกแสงแดดทำร้าย รวมถึงผิวคล้ำขึ้นด้วย
 

ระดับ 3 ผิวไหม้แดดรุนแรง

หน้าไหม้แดดหรือผิวไหม้แดดรุนแรง จะทำให้ผิวมีอาการแดง ปวดแสบปวดร้อนอย่างหนัก คัน เกิดตุ่มน้ำขึ้นบริเวณที่มีอาการ หากมีอาการผิวไหม้แดดระดับรุนแรงมาก แนะนำว่าควรเข้าพบแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างเร่งด่วน

“ผิวไหม้แดด” สามารถเกิดขึ้นได้หลากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสภาพแวดล้อมที่แสงแดดจัดจนเกินไป ไม่มีร่มเงาหรือสถานที่ให้หลบแสงแดด พฤติกรรมในการใช้ชีวิตของเรา เช่น การทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นระยะเวลานาน ไม่ทาครีมกันแดด จึงทำให้รังสีอัลตราไวโอเลตทำร้ายผิวจนเกิดผิวไหม้แดดนั่นเอง

โดยรังสีอัลตราไวโอเลต หรือรังสียูวี (UV) มีอยู่ 2 ประเภท เป็น uva uvb คือ uva จะทำให้ผิวเหี่ยวย่น เกิดริ้วรอย ฝ้ากระ จุดด่างดำ เพิ่มโอกาสในการเป็นมะเร็งผิวหนัง ส่วน uvb สามารถทำร้ายผิวให้มีอาการแสบร้อน คัน หรือผิวคล้ำลงได้

ใครที่ไปเที่ยวทะเล หรือออกทริปแล้วตัวไหม้ หน้าไหม้ ผิวไหม้แดด อย่าเพิ่งตกใจ! มาดู 9 วิธีแก้ปัญหาผิวไหม้แดดแบบเร่งด่วน พร้อมเคล็ดลับฟื้นบำรุงผิวให้กลับมาสุขภาพดีดังเดิม
 

1. ปลอบประโลมผิวด้วยการประคบเย็น

การประคบเย็น หรือเพียงแค่คุณแช่ผิวด้วยน้ำเย็น หรือการอาบน้ำเย็น ก็สามารถช่วยลดการอักเสบของผิวที่อยู่กลางแดดเป็นระยะเวลานานๆ ได้ ซึ่งการประคบเย็นนี้ เป็นวิธีที่สามารถทำได้ด้วยตนเองทันทีหลังจากที่ไปเจอแสงแดดมา

2. ฟื้นฟูผิวไหม้แดดด้วยว่านหางจระเข้

เรื่องของผิวไหม้แดด ว่านหางจระเข้สามารถช่วยคุณได้ เพราะว่านหางจระเข้เป็นหนึ่งในวิธีรักษาหน้าไหม้แดด หรือ ส่วนต่างๆ ที่ผิวโดนแดดเผาอย่างง่ายดาย และมีประสิทธิภาพ

เพียงแค่คุณนำวุ้นว่านหางจระเข้มาทาลงบนผิว บริเวณที่ผิวไหม้แดด แสบ คัน ทุกวัน ประมาณ 10-15 นาที แล้วล้างทำความสะอาดออกด้วยน้ำเย็น ก็จะช่วยปลอบประโลมผิว ให้ผิวไหม้แดดได้รับการฟื้นบำรุง ชุ่มชื้น ลดการระคายผิวได้ดียิ่งขึ้น และนอกจากผิวไหม้แดดแล้ว ว่านหางจระเข้ยังสามารถช่วยในกรณีที่ผิวโดนน้ำร้อนลวก หรือรักษาแผลที่เกิดจากการโดนไฟไหม้ได้อีกด้วย
 

3. หลีกเลี่ยงการลอก แกะ เกา บริเวณผิวไหม้แดด

หลายๆ คน เมื่อเกิดภาวะผิวไหม้แดด จะมีอาการคัน ผิวลอกในบริเวณนั้น ทำให้มีพฤติกรรมแกะ เกา รวมไปจนถึงการเจาะตุ่มน้ำ เพราะรู้สึกทนอาการเหล่านี้ไม่ไหว

แต่ในความเป็นจริง ควรหลีกเลี่ยงการเจาะตุ่มน้ำ เนื่องจากตุ่มน้ำเหล่านี้ จะช่วยป้องกันไม่ให้ผิวบริเวณชั้นถัดไปเกิดการระคายผิว และอาจเพิ่มระดับความรุนแรงของอาการได้ หากมีการเจาะตุ่มน้ำออก จึงแนะนำว่าควรรอเวลาให้ตุ่มน้ำแตกออกมาเอง แล้วจึงค่อยใช้ปิโตรเลียมเจลในการทาเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ประมาณ 2-3 ครั้งต่อวัน จึงจะดีที่สุด

4. ดื่มน้ำเพิ่มความชุ่มชื้นให้ร่างกาย

“น้ำ” เป็นองค์ประกอบหนึ่งของร่างกายที่มีความสำคัญอย่างมาก การดื่มน้ำควรดื่มในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย อย่างน้อยวันละประมาณ 8 แก้ว เพื่อให้ผิวเกิดความชุ่มชื้น สามารถฟื้นบำรุงหรือซ่อมแซมสภาพผิวที่เสียไป ให้กลับมาแข็งแรงขึ้นได้

หากเป็นไปได้ ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ โซดา ฯลฯ เพื่อป้องกันการเกิดภาวะสูญเสียน้ำได้
 

5. ทาครีมบำรุงผิวและมอยส์เจอไรเซอร์

การทาผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นอย่างครีมบำรุงผิวหน้า หรือมอยส์เจอไรเซอร์ ช่วยให้ผิวไม่เกิดการแห้งกร้าน หลุดลอก ลดโอกาสการสูญเสียความชุ่มชื้นของผิว ลดการระคายผิว อีกทั้งยังเป็นส่วนช่วยให้ผิวไหม้แดดฟื้นบำรุงตนเองได้เร็วขึ้น

โดยการเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและมอยส์เจอไรเซอร์ จะต้องเลือกให้เหมาะสมกับสภาพผิวของตนเอง เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและประสิทธิภาพสูงสุด อย่างผลิตภัณฑ์ของ Bioderma ก็จะมีการแยกประเภทตามสภาพผิวอย่างชัดเจน เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน ดังนี้
 

ผิวแพ้ง่าย

Bioderma Sensibio Defensive คือครีมบำรุงผิวหน้าที่ช่วยฟื้นบำรุงผิว เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย ระคายง่าย เพราะช่วยปลอบประโลมผิวได้ดี ทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกสบายผิว ชุ่มชื้นตลอด 12 ชั่วโมง อีกทั้งยังทำให้ผิวแข็งแรง ทนต่อมลภาวะหรือสารที่กระตุ้นให้เกิดการแพ้ได้ดีขึ้น
 

ผิวมัน หรือ ผิวผสม

Bioderma Sebium Sensitive คือครีมบำรุงที่ให้ความชุ่มชื้นได้ตลอด 12 ชั่วโมง ปลอบประโลมผิวที่ระคายง่าย จัดการรอยแดงสิว ป้องกันการเกิดรอยสิว มี DAFTM PATENTED COMPLEX สิทธิบัตรเฉพาะของไบโอเดอร์มา ช่วยลดการระคายผิว และเสริมสร้างความแข็งแรงให้ผิว
 

ผิวแห้งแบบขาดน้ำ

หากคุณมีอาการผิวแห้ง ผิวขาดน้ำ แนะนำ Bioderma Hydrabio Serum เพราะสามารถช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้น ไม่ก่อให้เกิดการระคายผิว ทำให้ผิวดูสุขภาพดี อิ่มน้ำ ไม่อุดตันผิว อ่อนโยน

และ Bioderma Atoderm PP Baume ช่วยฟื้นบำรุงผู้ที่มีภาวะผิวแห้งกร้านรุนแรงได้ ปกป้องผิวอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น ปัญหาคัน ระคายผิวลดน้อยลง และยังช่วยให้ปราการผิวแข็งแรงอีกด้วย
 

6. งดการขัด สครับผิว ในช่วงที่ผิวไหม้

ควรหลีกเลี่ยงการขัดผิวหรือสครับผิวออกไปก่อน หากคุณยังมีภาวะผิวไหม้แดดอยู่ เนื่องจากการที่ผิวไหม้แดด จะทำให้ผิวบริเวณนั้นบอบบาง อ่อนแอลง ส่งผลให้มีโอกาสเกิดการระคายผิว ปวดแสบปวดร้อนได้มากกว่าปกติ
 

7. หลีกเลี่ยงการเผชิญกับแสงแดด

อีกหนึ่งวิธีรักษาผิวไหม้แดดนั่นก็คือ การหลีกเลี่ยงการเผชิญกับแสงแดด ซึ่งถึงแม้ว่าจะบอกแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าให้คุณหลบหลีกแดดตลอดเวลา หรือให้อยู่ในความมืดแต่อย่างใด เพียงแต่ให้คุณหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด ในช่วงระยะเวลา 10.00 - 16.00 น. เพื่อป้องกันภาวะผิวไหม้แดดรุนแรง หรือป้องกันปัญหาผิวถูกทำลายนั่นเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่เป็นภาวะผิวไหม้แดดอยู่ก่อนแล้ว เพราะผิวเหล่านี้จะไวต่อแสงแดด อาจทำให้เกิดการระคายผิวได้ง่าย
 

8. เลี่ยงการใช้ยาที่ทำให้ระคายผิว

ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์ที่อาจทำให้ผิวไหม้แดดง่ายขึ้น เพื่อป้องกันการระคายผิวเพิ่มเติม ดังนี้

  • การใช้ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น ไอบูโปรเฟน หรือแอสไพริน 
  • ยาปฏิชีวนะบางชนิด เช่น เตตราไซคลิน และดอกซีไซคลิน เป็นระยะเวลานาน อาจทำให้ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้น 

นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีรุนแรง เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีกรดผลไม้ (AHAs) หรือเรตินอยด์ ก็สามารถทำให้ผิวบอบบางและไวต่อแสงได้ง่ายขึ้นเช่นกัน ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ใดๆ เพื่อความปลอดภัยของผิว
 

9. ประคบผิวด้วยชาคาโมมายล์

การประคบผิวด้วยชาคาโมมายล์เป็นวิธีธรรมชาติที่ได้รับความนิยมในการบรรเทาอาการผิวไหม้แดด โดยชาคาโมมายล์มีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบและช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ทำให้ผิวรู้สึกเย็นสบายและลดอาการแสบร้อนได้เป็นอย่างดี 

ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ชงชาคาโมมายล์แล้วนำมาประคบบริเวณที่ผิวไหม้แดดประมาณ 15-20 นาที ทำซ้ำได้หลายครั้งตลอดวันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด นอกจากจะช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนแล้ว การประคบด้วยชาคาโมมายล์ยังช่วยเร่งการฟื้นบำรุงผิวให้กลับมาแข็งแรงอีกด้วย

 

ผิวไหม้แดดกี่วันหาย

หลายๆ คนอาจสงสัยว่า “หากเกิดผิวหรือหน้าไหม้แดดกี่วันหายเป็นปกติ” ซึ่งระยะเวลาในแต่ละวิธีรักษาหน้าไหม้แดดก็อาจมีความแตกต่างกันไป รวมไปจนถึงระดับความรุนแรงของอาการ ก็มีผลต่อระยะเวลาด้วยเช่นกัน ซึ่งแต่ละระดับอาการ จะใช้ระยะเวลาในการฟื้นบำรุง ดังนี้

  • ระดับที่ 1 ผิวไหม้แดดเล็กน้อย จะใช้ระยะเวลาประมาณ 3-5 วัน
  • ระดับ 2 ผิวไหม้แดดปานกลาง มักจะใช้ระยะเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ผิวจึงจะสามารถค่อยๆ ดีขึ้นจนกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง
  • ระดับ 3 ผิวไหม้แดดรุนแรง จะขึ้นอยู่กับการฟื้นบำรุงร่างกายของแต่ละบุคคล แต่โดยปกติมักจะใช้เวลามากกว่า 2 สัปดาห์

หากคุณไม่อยากตกอยู่ในภาวะผิวไหม้แดด แต่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงในการออกไปทำกิจกรรมข้างนอกได้ ดังนั้น เราจึงมีวิธีการป้องกันผิวไหม้แดดง่ายๆ มาฝาก ดังนี้
 

ใส่เสื้อผ้าที่มิดชิด ปกป้องผิวจากแสงแดด

การใส่เสื้อผ้าที่มิดชิดช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดได้ในระดับหนึ่ง อาจทำให้ไม่เกิดการแสบร้อนตามบริเวณร่างกายได้ โดยเฉพาะผ้าบางชนิดที่มีเทคโนโลยีในการป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลต จึงทำให้ไม่เกิดการแสบผิว ผิวคล้ำได้

หากคุณเกิดภาวะผิวไหม้แดดแล้ว ในระหว่างที่มีการฟื้นบำรุงผิว ควรเลือกใส่เสื้อผ้าหลวมๆ วัสดุไม่แข็งกระด้าง เพื่อป้องกันไม่ให้เสื้อผ้าเสียดสีผิวที่บอบบาง จนเกิดการระคายผิว
 

ไม่อยู่ท่ามกลางแสงแดดนานเกินไป

แสงแดด มีรังสี UV ที่สามารถทำร้ายผิวของเราได้ จึงไม่ควรอยู่ท่ามกลางแสงแดดนานจนเกินไป หากจำเป็นต้องต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งที่ใช้ระยะเวลามากกว่า 1-7 ชั่วโมง ควรมีตัวช่วยดีๆ อย่างครีมกันแดดมาทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง เพื่อปกป้องผิวของเรา

นอกจากระยะเวลาในการอยู่กลางแสงแดดแล้ว เรื่องของช่วงเวลาการออกไปทำกิจกรรมข้างนอกก็สำคัญเช่นกัน หากเป็นไปได้ คุณควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง ช่วงเวลา 10.00-16.00 น. เนื่องจากเป็นช่วงที่แสงแดดจัด จึงไม่เหมาะกับการอยู่กลางแจ้ง เพราะอาจก่อให้เกิดผิวไหม้แดดได้ง่าย
 

ทาครีมกันแดดสม่ำเสมอเป็นประจำทุกวัน

การทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ และเป็นประจำทุกวัน จะช่วยคุณในเรื่องของผิวไหม้แดดได้ ซึ่งการที่จะใช้งานครีมกันแดดได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จำเป็นต้องใช้งานให้ถูกต้อง เช่น มีการใช้ SPF กับ ค่าPA สอดคล้องกับกิจกรรมที่ทำ

โดย spf คือค่าที่แสดงถึงการป้องกันรังสียูวีบี หากมีค่ามาก จะยิ่งป้องกันได้นาน ไม่ต้องทาซ้ำบ่อยๆ
ส่วน pa คือค่าที่แสดงถึงการป้องกันรังสียูวีเอ ซึ่งเมื่อเครื่องหมายเป็นบวก (+) เยอะ ก็จะยิ่งทำให้ป้องกันได้ดียิ่งขึ้น โดยวิธีการทาครีมกันแดด มีดังนี้
 

  1. เริ่มจากการตรวจสอบว่าผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้ เราสามารถใช้ได้หรือไม่ มีอาการแพ้หรือมีอาการระคายผิวอะไรไหม โดยการทาลงบริเวณจุดที่เซนซิทิฟก่อน เช่น หลังมือ ข้อพับแขน ข้อพับขา ฯลฯ
  2. ก่อนออกไปทำกิจกรรมข้างนอก ให้เริ่มทาครีมกันแดดก่อนเวลาประมาณ 30 นาทีขึ้นไป
  3. หากจำเป็นต้องเผชิญกับแสงแดดประมาณ 1-7 ชั่วโมง ต้องมีการทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง จึงจะได้ผลลัพธ์ดีที่สุด
  4. ปริมาณครีมกันแดดที่ทาจะอยู่ที่ประมาณ 1 ออนซ์ หรือ 2 ข้อนิ้วมือ
  5. ไม่ใช้ครีมกันแดดที่หมดอายุ
  6. เลือกครีมกันแดดที่เหมาะสมกับกิจกรรมที่ทำ เช่น ทำกิจกรรมเกี่ยวกับน้ำ ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่สามารถป้องกันน้ำ ป้องกันเหงื่อได้ เป็นต้น
     

นอกจากการใช้ครีมกันแดด การล้างหน้าให้สะอาดก็สำคัญเช่นกัน บางครั้งการใช้โฟมล้างหน้าเพียงอย่างเดียว อาจทำความสะอาดได้ไม่ดีเท่าการใช้โฟมล้างหน้าควบคู่ไปกับการใช้คลีนซิ่ง

สุดท้ายนี้ ควรจะต้องพิจารณาและเลือกทำขั้นตอนต่างๆ อย่างถูกต้อง เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทาครีมกันแดด การทำความสะอาดใบหน้า รวมไปจนถึงการเลือกครีมกันแดดให้เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล 

ขอแนะนำ ครีมกันแดด Bioderma Photoderm Aquafluide SPF50+ และ Bioderma Photoderm Cover Touch SPF50+ เพราะสามารถกันแดด กันน้ำ กันเหงื่อได้ อีกทั้งยังมีความอ่อนโยน ใช้ได้กับทุกสภาพผิว ต่อให้ผิวแพ้ง่ายก็ยังสามารถใช้งานได้
 

สรุป

“ผิวไหม้แดด” เป็นภาวะที่ไม่ควรละเลย หรือปล่อยทิ้งไว้ตามความเชื่อที่ใครหลาย ๆ คนเข้าใจผิด เพราะการที่ผิวไหม้แดดมาจากรังสียูวี (UV) ในแสงแดดที่เข้ามาทำร้ายผิวของเรา ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้ จะทำให้ผิวสูญเสียสมดุล ขาดน้ำ แห้งกร้าน ผิวบริเวณนั้นจะอ่อนแอลง เกิดการระคายผิวได้ง่าย

การรักษาและระยะเวลาในการฟื้นบำรุงผิวไหม้แดด อาจขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของอาการ รวมไปจนถึงร่างกายของแต่ละบุคคล อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเราจะยังไม่เกิดภาวะผิวไหม้แดด แต่ก็ยังสามารถป้องกันตนเองได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นการใส่เสื้อผ้ามิดชิด ไม่อยู่กลางแจ้งนานจนเกินไป และใช้ครีมกันแดดเป็นประจำ เป็นต้น

การฟื้นบำรุงผิวที่ไหม้แดดให้กลับมาขาวใสขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของอาการไหม้แดด แล้วหน้าไหม้จากแดดกี่วันหาย? โดยทั่วไปแล้ว ผิวที่ไหม้แดดใช้เวลาฟื้นตัวได้ตั้งแต่ 3-8 วัน ขึ้นอยู่กับการดูแลและการรักษา หากมีการดูแลอย่างเหมาะสม เช่น การใช้ครีมบำรุงและหลีกเลี่ยงการโดนแดด อาจช่วยให้ผิวกลับมาเป็นปกติเร็วขึ้น

ผิวไหม้แดดสามารถฟื้นบำรุงให้กลับมาสู่สภาพปกติได้ แต่ต้องใช้เวลาและการดูแลเป็นพิเศษ หากกรณีที่อาการไม่รุนแรง ผิวจะค่อยๆ ผลัดเซลล์และฟื้นตัวตามกระบวนการทางธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม หากอาการไหม้แดดรุนแรง อาจส่งผลให้การฟื้นตัวใช้เวลานานขึ้น หรืออาจเกิดการเปลี่ยนแปลงสีผิวอย่างถาวรได้

โดยทั่วไปแล้ว การโดนแดดประมาณ 15-30 นาทีในช่วงเวลาที่มีแสงแดดจัด ทำให้เกิดอาการผิวไหม้แดดหรือผิวคล้ำได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวบอบบางหรือสีผิวอ่อน 

โดยทั่วไปแล้ว ผิวไหม้แดดจะมีการลอกหลังจากโดนแดดเผาประมาณ 2-3 วัน และจะใช้เวลาในการฟื้นบำรุงผิวประมาณ 3-7 วัน ทั้งนี้ระยะเวลาในการฟื้นตัวจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการไหม้แดด

ควรหลีกเลี่ยงการออกแดดในช่วงเวลา 10.00 - 16.00 น. เนื่องจากเป็นช่วงที่แสง UV มีความเข้มข้นสูงที่สุด ซึ่งสามารถทำให้เกิดอันตรายต่อผิวหนังได้

การตากแดดเพียงชั่วครู่ก็สามารถทำให้เกิดอาการผิวคล้ำได้เช่นกัน โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวบอบบางหรือไม่มีการป้องกันด้วยครีมกันแดด

ควรทาครีมกันแดดประมาณ 15-30 นาทีก่อนออกไปสัมผัสแสงแดด เพื่อให้ป้องกันผิวไหม้แดดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อาหารที่ช่วยป้องกันผิวจากแสงแดดรวมถึงผลไม้และผักที่มีสาร Antioxidants เช่น มะเขือเทศ แครอท และเบอร์รี ซึ่งสามารถช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับผิว

ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 สามารถป้องกันได้ประมาณ 98% ของ UVB แต่ควรทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง หรือหลังจากว่ายน้ำหรือเหงื่อออก เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันผิวไหม้แดด

Bioderma ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มโฟโตเดิร์ม

ปกป้องผิวจากแสงแดด

ผิวแพ้ง่ายที่ต้องเผชิญกับแสงแดด

ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มโฟโตเดิร์ม (Photoderm)

Bioderma ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มโฟโตเดิร์ม

คุณกำลังมองหาครีมกันแดดประสิทธิภาพสูงสำหรับผิวของคุณอยู่หรือเปล่า

ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มโฟโตเดิร์ม (Photoderm) คือผลิตภัณฑ์กันแดดครบวงจรสำหรับทุกสภาพผิวรวมถึงผิวที่มีความไวต่อแสงแดด  โดยมีทั้งผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดสำหรับผิวที่ไวต่อสิ่งกระตุ้นอย่างแสงแดดหรือสารเคมีผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดสำหรับผิวแพ้ง่าย และผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดสำหรับผิวมันถึงผิวเป็นสิวง่ายโดยเฉพาะ