Key Takeaway

  • เซรั่มคือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่มีโมเลกุลขนาดเล็กและสารออกฤทธิ์เข้มข้นสูง ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาผิวเฉพาะจุดและซึมซาบสู่ผิวได้อย่างล้ำลึก
  • เซรั่มช่วยบำรุงผิวอย่างล้ำลึก แก้ปัญหาเฉพาะจุด เช่น ริ้วรอย ความหมองคล้ำ และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวดูสุขภาพดีขึ้น
  • วิธีทาเซรั่มให้ได้ผล เริ่มจากทำความสะอาดหน้าให้หมดจด ตามด้วยโทนเนอร์และพรีเซรั่ม จากนั้นหยดเซรั่ม 2-3 หยดลงฝ่ามือแล้วทาทั่วใบหน้าขณะที่ผิวยังชุ่มชื้น แล้วตามด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์

ท่ามกลางผลิตภัณฑ์หลากหลายชนิด เซรั่มถือเป็นหนึ่งในไอเท็มชิ้นสำคัญที่หลายคนพูดถึง แต่เซรั่มคืออะไร? มีประโยชน์ต่อผิวของเราอย่างไรบ้าง? และที่สำคัญที่สุดคือ เราควรใช้อย่างไรเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและคุ้มค่าที่สุด? บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับเซรั่มอย่างลึกซึ้ง เพื่อให้คุณสามารถเลือกใช้และบำรุงผิวได้อย่างถูกวิธี

เซรั่ม (Serum) คือ?

เซรั่ม (Serum) หรือซีรัม คือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีลักษณะบางเบา ตั้งแต่เหลวคล้ายน้ำไปจนถึงกึ่งเหลว โดยมีสีและความขุ่นใสแตกต่างกันไปตามส่วนผสม หัวใจสำคัญของเซรั่มคือ โมเลกุลขนาดเล็ก และ ความเข้มข้นสูงของสารออกฤทธิ์สำคัญ (Active Ingredients) ซึ่งมากกว่าผลิตภัณฑ์บำรุงผิวประเภทอื่นๆ

ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ เซรั่มจึงโดดเด่นในการซึมซาบเข้าสู่โครงสร้างผิวได้อย่างรวดเร็วและล้ำลึก ช่วยบำรุงผิวในจุดที่กังวล แม้ใช้เพียงปริมาณเล็กน้อย เช่น ปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ ความแห้งกร้าน การควบคุมความมัน ไปจนถึงการลดเลือนรอยสิว ทำให้ผิวได้รับการบำรุงอย่างตรงจุดและผิวแลดูเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น

เซรั่มช่วยอะไรกับผิวบ้าง?

ทำไมเซรั่มถึงสำคัญ? และมีประโยชน์อะไรบ้าง? วันนี้ Bioderma จะพาคุณมาหาคำตอบ เชื่อว่าคุณจะเห็นถึงความสำคัญของการใช้เซรั่มในรูทีนบำรุงผิวอย่างแน่นอน

เซรั่มโดดเด่นด้วยสรรพคุณที่เน้นการบำรุงผิวโดยตรง ช่วยแก้ปัญหาผิวได้อย่างหลากหลาย และด้วยเนื้อสัมผัสที่พิเศษ ทำให้การบำรุงมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ดังนี้

  • เซรั่มช่วยแก้ปัญหาผิวได้ตรงจุดตามสารออกฤทธิ์สำคัญ (Active Ingredients) ในแต่ละชนิด เช่น Glycolic acid หรือ Vitamin C สำหรับผิวขาวกระจ่างใส ลดจุดด่างดำ Hyaluronic acid เพิ่มความชุ่มชื้น Salicylic acid ลดโอกาสเกิดสิว และ Retinol หรือ Bakuchiol ที่ช่วยให้ริ้วรอยดูจางลง
  • ผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้นของสารบำรุงสูงมาก ทำให้แม้ใช้เพียงปริมาณน้อย ก็ยังคงประสิทธิภาพในการบำรุงผิวได้อย่างเต็มที่
  • การใช้เซรั่มอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้เห็นผลลัพธ์ของปัญหาผิวที่กังวลได้อย่างชัดเจน เพราะสารบำรุงในเซรั่มจะออกฤทธิ์ปกป้องอย่างสม่ำเสมอ
  • ด้วยเนื้อเซรั่มที่บางเบา ทำให้ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็วและล้ำลึก ไม่ทิ้งความมัน ไม่เหนอะหนะ หรือรู้สึกไม่สบายผิว จึงลดโอกาสการสะสมของฝุ่นละอองและสิ่งอุดตันในรูขุมขน ทำให้โอกาสเกิดสิวยากขึ้น

 

เซรั่มบางชนิดทำงานได้ดียิ่งขึ้นเมื่อใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์อื่น เช่น โทนเนอร์ เอสเซนส์ หรือมอยส์เจอร์ไรเซอร์ ซึ่งจะช่วยเสริมประสิทธิภาพการบำรุงให้สูงขึ้นไปอีก

10 ประเภทของเซรั่ม เลือกให้เหมาะกับสภาพผิว

เซรั่มบำรุงผิวแต่ละชนิดมีส่วนผสมที่แตกต่างกันไป ทำให้แก้ปัญหาผิวได้หลากหลายตรงจุดตามความต้องการของเรา มาดูกันว่าสารสกัดชนิดไหนเหมาะกับปัญหาผิวแบบไหนบ้าง

1. เซรั่มช่วยให้ริ้วรอยแลดูลดลง (Anti-Aging Serums)

เซรั่มที่ช่วยให้ริ้วรอยแลดูลดลง เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีเนื้อบางเบา แต่เข้มข้นด้วยสารออกฤทธิ์ที่ช่วยลดเลือนริ้วรอยและชะลอสัญญาณแห่งวัย เซรั่มลดเลือนริ้วรอยควรมีเรตินอล (Retinol) และ บาคูชิออล (Bakuchiol) ที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวแน่นฟู เติมเต็มร่องริ้วรอย ซึ่งจำเป็นต้องทาครีมกันแดดควบคู่ไปด้วยเสมอ ไม่ว่าจะอยู่ในบ้านหรือนอกบ้าน

 

2. เซรั่ม Antioxidant

เซรั่มที่มี Antioxidant เช่น วิตามินอีและวิตามินซี จะช่วยลดการทำร้ายผิวจาก อนุมูลอิสระ (Free Radical) ซึ่งเป็นโมเลกุลที่ไม่เสถียรและสามารถเข้าไปทำลายเซลล์ผิวให้เสียหาย ทำให้ผิวหน้าแก่ก่อนวัยได้

ยกตัวอย่างเช่น Sensibio Defensive Serum เป็นเซรั่มบำรุงเข้มข้น เนื้อบางเบา ซึมซาบเร็ว ที่ช่วยให้ผิวแข็งแรง ปกป้องผิวจากมลภาวะและจัดการสาเหตุของริ้วรอยก่อนวัย พร้อมทั้งปลอบประโลม มี Antioxidant และเสริมสร้างเกราะดูแลผิว ทำให้ริ้วรอยดูตื้นขึ้น คืนความกระจ่างใส และให้ความชุ่มชื้น ซึ่งช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายด้วย

3. เซรั่มช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น (Hydrating Serums)

สำหรับผิวแห้งลอกที่ต้องการความชุ่มชื้น ให้มองหาเซรั่มที่มีกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) Xylitol และ Glycerin อย่าง Hydrabio Sérum ที่ช่วยอุ้มน้ำ พร้อมฟื้นบำรุงกลไกความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ ด้วยสิทธิบัตร Aquagenium™ ที่ไม่เพียงเติมความชุ่มชื้นทันที แต่ยังเปิดกลไกคืนความชุ่มชื้นตามธรรมชาติของผิว กระตุ้นกลไกการเติมน้ำสู่ผิว นำพาน้ำสู่ผิว รักษาน้ำไว้ลึกใต้ชั้นผิวทำให้น้ำไหลเวียน โดยกระตุ้นการผลิตช่องน้ำในผิวหนังที่เรียกว่าอควาพอริน เพื่อผลลัพธ์ยาวนาน 

แม้ร่างกายจะผลิตไฮยาลูรอนเองได้แต่ก็ลดลงเมื่ออายุมากขึ้นก็ผลิตได้น้อยลง การเติมด้วยเซรั่มจึงช่วยให้ผิวกลับมาสดชื่นและริ้วรอยตื้นๆ แลดูลดลงได้ ส่วน Glycerin ดึงน้ำจากอากาศเข้าสู่ผิว ช่วยเสริมความชุ่มชื้น เมื่อใช้ร่วมกัน ผิวจะดูอิ่มน้ำและสุขภาพดีขึ้น

 

4. เซรั่มลดจุดด่างดำ ปรับสีผิว

สำหรับผู้ที่มีปัญหาจุดด่างดำ ฝ้า กระ รอยสิว ต้องการให้รอยหมองคล้ำจางลง ควรมองหาเซรั่มที่มี ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) และ AHA (Alpha Hydroxy Acid) เพราะไนอะซินาไมด์หรือวิตามินบี 3 ที่ร่างกายผลิตเองไม่ได้ จะช่วยเสริมสร้างเกราะดูแลผิว เพิ่มความชุ่มชื้น และยังช่วยลดเลือนรอยด่างดำ ส่วน AHA ซึ่งเป็นกรดธรรมชาติจากผลไม้ จะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่หมองคล้ำออก เผยผิวใหม่ที่ดูกระจ่างใสขึ้น ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ลดเลือนรอยฝ้าแดด รวมถึงจุดด่างดำต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

5. เซรั่มช่วยให้ผิวกระจ่างใส (Brightening Serums)

เมื่อพูดถึงผิวสว่างกระจ่างใส เซรั่มที่มีวิตามินซีคือตัวเลือกอันดับต้นๆ เพราะช่วยเรื่องผิวหมองคล้ำและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ให้ผิวเต่งตึง พร้อมลดโอกาสเซลล์ผิวเสื่อมสภาพและชะลอริ้วรอย

 

6. เซรั่มผลัดเซลล์ผิว (Exfoliating Serum)

หากผิวหน้าหมองคล้ำ โทรมไม่สดใส การใช้เซรั่มผลัดเซลล์ผิวคือทางออกที่ดี โดยควรมองหาเซรั่มที่มี กรดไกลโคลิก (Glycolic Acid) เพราะกรดไกลโคลิก มีคุณสมบัติเด่นในการผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วให้หลุดออก ช่วยขจัดสิ่งสกปรกและสิ่งอุดตันในรูขุมขน ช่วยให้ผิวกระจ่างใส เรียบเนียนขึ้น พร้อมกระตุ้นคอลลาเจนและลดการเสื่อมสภาพ ทำให้ผิวยืดหยุ่น กระชับ และดูอ่อนเยาว์ลง

 

7. เซรั่มยกกระชับ (Firming Serums)

หากรู้สึกว่าผิวหน้าหย่อนคล้อย ไม่แน่นเหมือนเดิม แนะนำให้ใช้เซรั่มที่ช่วยเสริมโครงสร้างผิวให้แข็งแรงและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เพื่อให้ผิวเต่งตึง ยกกระชับ ส่วนประกอบสำคัญที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนได้ดีในเซรั่มยกกระชับคืออนุพันธ์วิตามินเอ หรือเรตินอยด์ ซึ่งมีส่วนช่วยในการผลัดเซลล์ผิวเก่า สร้างเซลล์ผิวใหม่ และยังเสริมให้ร่างกายกระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจนได้ดียิ่งขึ้น

 

8. เซรั่มช่วยกระชับรูขุมขน (Pore Tightening Serum)

ปัญหารูขุมขนกว้างแก้ได้ด้วยเซรั่มที่ช่วยกระชับรูขุมขนและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว เมื่อผิวอิ่มน้ำ รูขุมขนจะดูฟูและกระชับขึ้น ลองมองหาเซรั่มที่อุดมด้วยไฮยาลูรอน (Hyaluronic Acid) และวิตามินบี 3 (Niacinamide)

ไฮยาลูรอนมีคุณสมบัติเด่นในการอุ้มและกักเก็บน้ำในผิว ทำให้ผิวอิ่มน้ำดูเต่งตึง ส่วนวิตามินบี 3 ก็ช่วยรักษาความชุ่มชื้นในชั้นผิวได้เช่นกัน การใช้เซรั่มที่มีสองส่วนผสมนี้จะช่วยให้รูขุมขนกว้างแลดูกระชับขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

9. เซรั่มช่วยลดโอกาสเกิดสิว (Anti-Acne Serum) 

ปัญหาสิวยอดฮิตจัดการได้ด้วยเซรั่มที่ช่วยลดโอกาสเกิดสิวที่มีแร่ธาตุสังกะสี (Zinc) ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งแบคทีเรีย ลดการอักเสบ และควบคุมความมัน อันเป็นสาเหตุของการเกิดสิว

สำหรับเซรั่มลดโอกาสเกิดสิวที่มาพร้อมกับการช่วยลดเลือนริ้วรอยและปัญหารูขุมขนกว้าง ต้อง Bioderma Sébium Serum ซึ่งมี 3 สารสำคัญที่ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี Fluidactiv™ ได้แก่ Salicylic Acid, Acetyl Glucosamine และ Hyaluronic acid ที่ช่วยดูแลเรื่องผิวที่ต้นเหตุ

ใครสนใจเคล็ดลับบรรเทาสิว สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ : รู้จัก “สิว” แบบเจาะลึก! รู้สาเหตุหลักของการเกิดสิว พร้อมบอกวิธีรักษาสิวที่ต้นตอ

 

10. เซรั่มช่วยซ่อมแซมและฟื้นบำรุง (Renewing Serum)

เพื่อการซ่อมแซมและฟื้นบำรุงผิวให้กลับมาแข็งแรงสุขภาพดี วิตามินบี 5 ในเซรั่มคืออีกตัวช่วยสำคัญ เพราะวิตามินบี 5 ทำหน้าที่เป็นสารกักเก็บความชุ่มชื้น ลดโอกาสสูญเสียน้ำ ทำให้ผิวนุ่มเนียนและยืดหยุ่นขึ้น นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยในการพัฒนาการทำงานของเซลล์ผิว และเป็น Antioxidant การใช้เซรั่มที่มีวิตามินบี 5 จึงช่วยเสริมสร้างเซลล์ผิวใหม่ ชะลอริ้วรอย และเผยผิวที่ดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น

 

เซรั่มต่างจากครีมบำรุงผิวหน้าอย่างไร

เมื่อพูดถึงการบำรุงผิวหน้า หลายคนอาจสับสนระหว่างเซรั่มและครีมบำรุงผิวหน้า ว่าสองสิ่งนี้แตกต่างกันอย่างไร และควรเลือกใช้อะไรในขั้นตอนไหน วันนี้ Bioderma จะมาเจาะลึกความแตกต่าง เพื่อให้คุณเข้าใจและเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

คุณสมบัติเด่นของเซรั่ม

นอกเหนือจากความสามารถในการแก้ปัญหาผิวได้อย่างตรงจุดแล้ว เซรั่มยังมีคุณสมบัติเด่นอีกหลายประการที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ชนิดนี้น่าสนใจ เช่น

  • เซรั่มถูกออกแบบมาเพื่อจัดการกับปัญหาผิวเฉพาะทาง
  • ด้วยปริมาณเพียง 2 - 3 หยด ก็สามารถให้การบำรุงที่เข้มข้นและเห็นผล
  • ให้ความรู้สึกสบายผิว ไม่เหนอะหนะ และซึมลึกเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว
  • ใช้เซรั่มเป็นขั้นตอนแรกช่วยให้ผิวได้รับสารบำรุงอย่างเต็มที่ ก่อนลงครีมล็อกความชุ่มชื้นอีกชั้น

 

เนื่องจากเซรั่มมีส่วนผสมที่เข้มข้น จึงอาจก่อให้เกิดการระคายหรืออาการแพ้ในบางคนได้ แนะนำให้ทดสอบก่อนใช้งานจริง โดยลองทาเซรั่มบริเวณใต้ท้องแขน ซึ่งเป็นจุดที่มีผิวบอบบาง หากทิ้งไว้แล้วเกิดการระคาย หรือมีผื่นแดงขึ้น อาจเป็นสัญญาณว่าคุณแพ้ผลิตภัณฑ์นี้ ควรหยุดใช้ทันที

 

คุณสมบัติเด่นของครีมบำรุงผิวหน้า

แม้เซรั่มจะโดดเด่นแต่ครีมบำรุงผิวหน้ายังคงเป็นสกินแคร์ที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคยและใช้กันมาอย่างยาวนาน ด้วยคุณสมบัติหลักที่ตอบโจทย์ความต้องการพื้นฐานของผิว เช่น

  • เนื้อสัมผัสที่เข้มข้นช่วยมอบและกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิวได้อย่างดีเยี่ยม
  • ทำหน้าที่เป็นชั้นเคลือบผิวบางๆ เพื่อลดการสูญเสียน้ำออกจากผิว
  • ด้วยความเข้มข้นของสารสกัดที่น้อยกว่าเซรั่ม ทำให้ครีมบำรุงมีราคาที่ย่อมเยากว่า

 

แม้ครีมบำรุงจะเนื้อหนักกว่าเซรั่ม แต่ทุกคนจำเป็นต้องใช้เป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น แม้คนผิวมันก็ขาดน้ำได้ ซึ่งจะยิ่งกระตุ้นให้ผิวผลิตน้ำมันออกมาเพื่อทดแทน ดังนั้น ครีมจึงทำหน้าที่สำคัญในการเคลือบผิวและลดโอกาสการสูญเสียน้ำออกจากผิว โดยควรเลือกครีมบำรุงที่เหมาะกับสภาพผิว โดยคนผิวมันอาจเลือกเนื้อที่บางเบาลง

 

หลังจากที่ทราบถึงข้อดีของครีมบำรุงแล้ว จะเห็นได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่สำคัญ และขาดไม่ได้เลยอีกตัวหนึ่ง เพราะมีหน้าที่การใช้ง่ายที่แตกต่างไปจากเซรั่ม แต่ด้วยครีมบำรุงผิวนั้นมีเนื้อครีมที่หนัก ทำให้จำเป็นต้องระวังการอุดตันของผิวเกิดขึ้น และนำมาซึ่งปัญหาสิวต่างๆ ได้ไม่ว่าจะเป็นสิวอักเสบ สิวอุดตัน สิวผด เป็นต้น

 

ความต่างระหว่างพรีเซรั่มกับเซรั่ม

พรีเซรั่มทำหน้าที่เป็นตัวกลางปรับสภาพผิว ช่วยนำพาสารบำรุงจากสกินแคร์อื่นให้ซึมลึกและเร็วขึ้น พร้อมกระตุ้นประสิทธิภาพโดยรวมในขั้นตอนถัดไป ส่วนเซรั่มเน้นการบำรุงบรรเทาปัญหาผิวเฉพาะจุดด้วยสารออกฤทธิ์ที่เข้มข้นสูงโดยตรง

Serum vs Essence ต่างกันตรงไหน?

Essence มีเนื้อบางเบาและมีสารบำรุงเข้มข้น ช่วยฟื้นบำรุงผิวในระดับลึกขึ้น ส่วนเซรั่มมีเนื้อเข้มข้นกว่า Essence แต่บางเบากว่าครีม เน้นการแก้ปัญหาผิวเฉพาะจุดด้วยสารบำรุงที่เข้มข้นสูง เช่น ริ้วรอยแลดูลดลง ลดโอกาสเกิดสิว หรือช่วยให้ผิวกระจ่างใส โดยจะใช้หลังเอสเซนส์ ในขณะที่น้ำตบเป็นน้ำใสบางเบาที่เน้นเติมความชุ่มชื้นและเตรียมผิวให้พร้อมรับการบำรุง โดยทั่วไปจะใช้เรียงตามลำดับจากน้ำตบ เอสเซนส์ แล้วตามด้วยเซรั่มเพื่อผลลัพธ์ที่ดี

 

เลือกเซรั่มอย่างไรให้เหมาะกับแต่ละสภาพผิว

การเลือกเซรั่มที่เหมาะสมกับผิวนั้นสำคัญไม่แพ้การใช้เซรั่มเลยทีเดียว เพราะผิวแต่ละประเภทมีความต้องการที่แตกต่างกัน ดังนั้นเรามาดูกันว่าควรเลือกเซรั่มอย่างไรให้เหมาะกับสภาพผิว

 

ผิวหน้ามัน

สำหรับคนผิวหน้ามันที่มักเผชิญปัญหาหน้าเยิ้ม สิวขึ้นง่าย และแต่งหน้าไม่ติด ควรเลี่ยงเซรั่มที่มีส่วนผสมของน้ำมัน เพราะอาจยิ่งอุดตันและทำให้เกิดสิวได้ง่ายขึ้น ควรเลือกใช้เซรั่มที่มีส่วนผสมของ กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) ซิงค์ (Zinc) หรือ ทีทรีออยล์ (Tea Tree Oil) ซึ่งช่วยควบคุมความมันและช่วยเรื่องสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ผิวหน้าแห้ง

คนผิวแห้งที่มีน้ำมันน้อย ผิวลอกเป็นขุย หยาบกร้าน ระคายง่าย และเกราะดูแลผิวอ่อนแอ ควรเลือกเซรั่มที่มีส่วนผสมของวิตามินอี หรือสารสกัดที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นเป็นหลัก และที่สำคัญ ต้องไม่ลืมทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ควบคู่ไปด้วย เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นอิ่มน้ำมากขึ้น และช่วยเสริมสร้างเกราะดูแลผิวให้แข็งแรง

 

ผิวหน้าธรรมดา

ผิวธรรมดาที่ใครๆ อิจฉามักไม่มีปัญหาผิวเด่นชัด มีสมดุลน้ำมันดี ทำให้สิวหรือผิวลอกเกิดยาก หลายคนจึงคิดว่าไม่จำเป็นต้องใช้เซรั่ม แต่จริงๆ แล้วผิวธรรมดาก็อาจมีปัญหาอื่นๆ ได้เช่นกัน จึงควรเลือกเซรั่มที่แก้ปัญหาตรงจุด เช่น หากกังวลเรื่องริ้วรอย ควรใช้เซรั่มที่มีส่วนผสมของวิตามินเอหรือคอลลาเจน เพื่อช่วยเติมเต็มคอลลาเจนใต้ผิว ยกกระชับผิว และเติมเต็มร่องลึกให้ดูเต่งตึง

 

วิธีทาเซรั่มให้ได้ผล เพื่อให้ผิวได้รับสารบำรุงเต็มที่

เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของการบำรุงผิว การทาเซรั่มอย่างถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยให้เซรั่มสามารถซึมซาบเข้าสู่ผิวและฟื้นบำรุงได้อย่างเต็มที่ มาดูกันว่าขั้นตอนการใช้เซรั่มที่ถูกต้องและวิธีทาเซรั่มให้ได้ผลเป็นอย่างไร

 

  • สำคัญสุดคือทำความสะอาดหน้าให้หมดจดด้วยคลีนซิ่ง อายรีมูฟเวอร์และเจลล้างหน้า เพื่อให้รูขุมขนเปิดรับเซรั่มซึมเข้าผิวได้ดี
  • หลังล้างหน้า ให้ใช้โทนเนอร์เช็ดผิวเพื่อเตรียมพร้อม จากนั้นลงพรีเซรั่มต่อ เพื่อช่วยกระตุ้นประสิทธิภาพสกินแคร์ขั้นตอนถัดไป
  • พรีเซรั่ม (Pre-Serum) คือสกินแคร์ที่ใช้ก่อนเซรั่ม ทำหน้าที่นำพาสารบำรุงในสกินแคร์อื่นๆ ให้ซึมสู่ผิวได้ลึกและเร็วขึ้น พร้อมกระตุ้นประสิทธิภาพการทำงานโดยรวม
  • หลังจากใช้พรีเซรั่ม ให้ลงเซรั่มที่เลือกไว้เพื่อแก้ปัญหาผิวต่างๆ ทันทีขณะที่ผิวยังชุ่มชื้นอยู่ เพราะการศึกษาพบว่าผิวที่ชุ่มชื้นสามารถดูดซึมเซรั่มได้ดีกว่าผิวแห้งถึง 10 เท่า ทำให้เซรั่มซึมเข้าสู่ผิวได้ง่ายและทำงานได้อย่างเต็มที่
  • ใช้เซรั่มเพียง 2 - 3 หยดก็พอสำหรับทั่วหน้าเพราะเข้มข้นสูง สิ่งสำคัญคือห้ามหยดดรอปเปอร์ลงบนผิวหน้าโดยตรงเด็ดขาดเพราะน้ำมันและสิ่งสกปรกจากผิวอาจปะปนเข้าไปในขวดเซรั่มได้ ควรหยดเซรั่มลงบนฝ่ามือก่อนเสมอเพื่อรักษาคุณภาพผลิตภัณฑ์
  • หลังจากลงเซรั่มเสร็จแล้ว สามารถลงผลิตภัณฑ์บำรุงผิวตัวอื่นต่อได้ทันที โดยเรียงลำดับจากเนื้อที่บางเบา เพื่อให้สารบำรุงซึมเข้าสู่ผิวได้ดีและไม่มีอะไรมาขัดขวางการทำงานของผลิตภัณฑ์

 

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ 10 ขั้นตอนการลงสกินแคร์ที่ถูกต้อง เพื่อผิวกระจ่างใส แข็งแรง ไม่แพ้ง่าย

แนะนำเซรั่ม

ไม่ว่าจะใช้เซรั่มเพื่อแก้ปัญหาผิวใดๆ ก็ตาม แต่สิ่งสำคัญที่จะดึงประสิทธิภาพของเซรั่มออกมาได้ดี คือต้องเลือกที่ใช้เซรั่มให้เหมาะกับสภาพผิวของผู้ใช้ และอ่อนโยนไม่ทำให้ผิวเกิดการระคายที่อาจนำมาซึ่งปัญหาผิวได้ รวมถึงควรเน้นไปที่ความชุ่มชื้น เพื่อเป็นพื้นฐานให้กับผิว ไม่ให้มีอะไรมาทำให้เกิดปัญหาผิวอื่นๆ ตามมา

 

Bioderma Hydrabio Serum เซรั่มบำรุง ที่คืนความชุ่มชื้นให้ผิว จึงเหมาะกับผู้ที่มีผิวแห้งที่ต้องการการบำรุง ไปจนถึงผิวขาดน้ำที่ต้องเติมน้ำสู่ผิวอย่างสมดุล เซรั่มไฮยาลูรอน เซรั่มบํารุงหน้าตัวช่วยที่พร้อมเติมน้ำให้ผิวกักเก็บความชุ่มชื้น ช่วยให้ผิวอิ่มน้ำจากภายใน สู่ภายนอก เผยผลลัพธ์ผิวนุ่ม แลดูเปล่งปลั่ง

ด้วยส่วนประกอบของ Hyaluronic acid ผสานกับ Glycerine และ Xylitol ในเซรั่มที่ช่วยมอบความชุ่มชื้นอย่างเข้มข้น ล้ำลึก พร้อมกักเก็บน้ำเพื่อคงความชุ่มชื้นให้ผิวดูมีสุขภาพดีอย่างยั่งยืน

Aquagenium Patent มอบความชุ่มชื้นอย่างยั่งยืนให้ผิว ด้วยสารสกัดจากเมล็ดแอปเปิ้ล (Apple Seed Extract) กระตุ้นการสร้าง Aquaporins และ Vitamin PP ฟิ้นบำรุงปราการผิวจากเซราไมด์ (Ceramide) ช่วยลดการระเหยของน้ำออกจากผิว

Sensibio Defensive Serum เป็นอีกเซรั่มที่มอบความชุ่มชื้นยาวนานถึง 24 ชั่วโมง พร้อมปลอบประโลมผิวทันที พร้อมดูแลริ้วรอยก่อนวัยด้วย Antioxidant เสริมเกราะดูแลผิวให้แข็งแรง ผิวดูกระจ่างใสและริ้วรอยดูตื้นลง หรือถ้าใครมีสิว แนะนำ Sébium Serum เซรั่มลดโอกาสเกิดสิว ด้วยกรดซาลิไซลิกช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดการอุดตัน พร้อมเทคโนโลยี FLUIDACTIV™ ลดโอกาสการออกซิเดชันของน้ำมันในผิว เผยผิวเรียบเนียน ผสาน Acetyl Glucosamine และกรดไฮยาลูโรนิก เติมความชุ่มชื้นและลดเลือนริ้วรอย

 

สรุป

เซรั่มคือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีโมเลกุลขนาดเล็กและสารออกฤทธิ์เข้มข้นสูง ทำให้ซึมซาบสู่ผิวได้อย่างรวดเร็วและล้ำลึก เพื่อบรรเทาปัญหาผิวได้ตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอย จุดด่างดำ ความหมองคล้ำ หรือปัญหาสิว การเลือกเซรั่มควรพิจารณาตามสภาพผิวและปัญหาที่ต้องการการดูแล เช่น ไฮยาลูรอนสำหรับผิวแห้ง หรือซิงค์สำหรับผิวมัน เพื่อผลลัพธ์ที่ดี ควรทำความสะอาดผิวหน้าให้หมดจด ตามด้วยโทนเนอร์และพรีเซรั่มก่อนลงเซรั่มเพียง 2-3 หยดลงบนฝ่ามือ แล้วจึงตามด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์ เพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพการบำรุงให้ผิวแลดูสุขภาพดีอย่างยั่งยืน

 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเซรั่ม

หลายคนอาจมีคำถามเกี่ยวกับการใช้เซรั่ม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวิธีใช้ ความถี่ในการทา หรือการเลือกให้เหมาะกับสภาพผิว ในส่วนนี้เราจะมาตอบคำถามที่พบบ่อย เพื่อช่วยให้คุณใช้เซรั่มได้อย่างมั่นใจและเห็นผลลัพธ์ที่ดีกับผิวของคุณ

 

เซรั่มทำหน้าที่อะไร?

เซรั่ม (Serum) คือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าประสิทธิภาพสูงที่เน้นแก้ปัญหาผิวได้อย่างตรงจุดตามสารสกัดที่ใช้ ด้วยเนื้อสัมผัสที่บางเบา ทำให้เซรั่มไม่เพียงแต่ซึมซาบสู่ผิวได้อย่างล้ำลึกด้วยตัวเอง แต่ยังช่วยนำพาสารบำรุงจากผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ใช้ตามหลังให้ซึมสู่เซลล์ผิวได้ดียิ่งขึ้น

 

เซรั่มวิตซีช่วยเรื่องอะไร?

เซรั่มวิตซี มีวิตามินซีเป็นส่วนประกอบหลัก มอบประโยชน์มากมายแก่ผิว ทั้ง Antioxidant ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวหน้ากระชับ เต่งตึง และเติมเต็มริ้วรอยให้ดูตื้นขึ้น นอกจากนี้ด้วยความเป็นกรด วิตามินซียังช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า ลดการอุดตันในรูขุมขน ทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น ลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำ และยังช่วยให้รูขุมขนกระชับ ลดเลือนริ้วรอยอีกด้วย

 

เราควรใช้เซรั่มบ่อยแค่ไหน?

ควรใช้เซรั่มบำรุงผิววันละ 2 ครั้ง เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด โดยทาครั้งแรกตอนเช้าหลังทำความสะอาดผิวหน้าและก่อนแต่งหน้า ส่วนครั้งที่สองคือช่วงกลางคืน หลังล้างหน้าและเช็ดโทนเนอร์เรียบร้อยแล้ว

 

เซรั่มกับมอยส์เจอร์ไรเซอร์ เหมือนกันไหม?

เซรั่มเน้นแก้ปัญหาผิวเฉพาะจุดด้วยสารเข้มข้นสูงอย่างเซรั่มหน้าใสหรือลดโอกาสเกิดสิว ส่วนมอยส์เจอร์ไรเซอร์เน้นเติมความชุ่มชื้น เนื้อสัมผัสก็ต่างกัน โดยเซรั่มจะเหลว ซึมง่าย ขณะที่มอยส์เจอร์ไรเซอร์มีเนื้อเจล ครีม หรือบาล์มที่ซึมช้ากว่า อย่างไรก็ตาม การใช้ทั้งคู่ร่วมกันจำเป็นต่อสุขภาพผิวที่ดี

 

เซรั่มหมดอายุได้ไหม?

ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ทุกชนิด รวมถึงเซรั่มมีอายุการใช้งานจำกัด ซึ่งดูได้จากสัญลักษณ์ PAO (Period After Opening) ที่เป็นรูปกระปุกเปิดฝาพร้อมตัวเลข เช่น “6M” หมายถึงใช้ได้ 6 เดือนหลังเปิดใช้ครั้งแรก ดังนั้นเซรั่มก็มีวันหมดอายุ และควรใช้ให้หมดตามที่ระบุบนบรรจุภัณฑ์ การใช้เซรั่มที่หมดอายุแล้วอาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้

Bioderma ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มไฮดราบิโอ

ทำความสะอาดและบำรุงผิว

ผิวขาดน้ำ

ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มไฮดราบิโอ (Hydrabio)

Bioderma ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มไฮดราบิโอ

ทุกสภาพผิว (ผิวแห้ง ผิวมัน ผิวผสม) อาจประสบปัญหาผิวขาดน้ำได้  ซึ่งปัญหาผิวขาดน้ำจะส่งผลให้ผิวแห้งตึงและสีผิวดูหมองคล้ำลง

ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มไฮดราบิโอ (Hydrabio) คือผลิตภัณฑ์ที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อผิวขาดน้ำโดยเฉพาะ ซึ่งประกอบไปด้วยผลิตภัณฑ์ดูแลผิวในชีวิตประจำวันตั้งแต่ขั้นตอนการทำความสะอาดจนถึงการดูแลผิว  ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดสำหรับผิวขาดน้ำ (ไมเซล่า วอเตอร์ และน้ำนม ) เซรั่มเพิ่มความชุ่มชื้น ... เลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวประจำวันให้ตัวคุณเลย!

Bioderma ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มซีเบี่ยม

ทำความสะอาดและบำรุงผิว

ผิวผสมถึงผิวเป็นสิวง่าย

ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มซีเบี่ยม (Sébium)

Bioderma ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มซีเบี่ยม

ผิวจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เนื่องจากผิวจะมีความหนามากขึ้น มันเงา เกิดสิวอักเสบเป็นจุดมากน้อยแตกต่างกันไป และบางครั้งก็ยังคงเป็นเช่นนั้นต่อเนื่องไปจนถึงวัยผู้ใหญ่อีกด้วย

ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มซีเบี่ยม (Sébium) เป็นผลิตภัณฑ์ที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อผิวมันและเป็นสิวง่ายโดยเฉพาะ
ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มซีเบี่ยม (Sébium) มีผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและดูแลผิวที่แพทย์ผิวหนังแนะนำโดยเฉพาะ ทั้งผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าสำหรับผิวมัน อย่างเจลล้างหน้าและไมเซล่า วอเตอร์ มอยส์เจอไรเซอร์สำหรับผิวเป็นสิวง่าย และอื่นๆ อีกมากมาย เลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวประจำวันให้ตัวคุณเลย!

Bioderma ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเซ็นซิบิโอ

ทำความสะอาดและบำรุงผิว

ผิวแพ้ง่าย

ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเซ็นซิบิโอ (Sensibio)

Bioderma ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเซ็นซิบิโอ

อาการของผิวแพ้ง่าย มีทั้งความรู้สึกคันยุบยิบ แสบร้อน ตึงผิว ระคายผิว และรอยแดงกระจายหรือเกิดขึ้นเฉพาะจุด

ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเซ็นซิบิโอ (Sensibio) คือผลิตภัณฑ์ที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ  นอกจาก เซ็นซิบิโอ เอชทูโอ (Sensibio H2O) ไมเซล่า วอเตอร์ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ยอดนิยมสำหรับทำความสะอาดผิวและเช็ดเครื่องสำอางสำหรับผิวแพ้-ระคายง่าย ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้ยังรวมถึงผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและดูแลผิวที่แพทย์ผิวหนังแนะนำ อย่างผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าสำหรับผิวแพ้ง่าย และผลิตภัณฑ์อื่นๆ เลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวในชีวิตประจำวันที่เหมาะกับผิวของคุณ!